logo-heading

แบรสต์ กับ เดอะ เบสต์ ซีซั่น ที่ได้ลุ้นไป UCL ครั้งแรกในชีวิต

ในฤดูกาล 2023-24 มีหลายสโมสรที่ได้ชื่อว่าเป็นม้ามืดเพราะมีเส้นทางที่ดีเกินคาดไม่ว่าจะเป็น โบโลญญ่า ใน กัลโช่ เซเรีย อา, จีโรน่า ใน ลา ลีกา และ สตุ๊ตการ์ท ใน บุนเดสลีกา 

พวกเขาเหล่านี้ต่างก็มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมและน่าจดจำเพราะกำลังบินสูงอยู่หัวตารางจากที่ปีก่อนยังอยู่โซนครึ่งล่างของตารางอยู่เลย เช่นเดียวกับสโมสรเล็กๆ อย่าง แบรสต์ ใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส ก็มีซีซั่นที่เหนือความคาดหมายเช่นกัน

แบรสต์ เป็นสโมสรเล็กๆ ที่ก่อตั้งมายาวนาน 121 ปี หรือตั้งแต่ปี 1903 ก่อนก้าวขึ้นเล่นในลีกสมัครเล่นของ ฝรั่งเศส ในปี 1958 จากนั้นในปี 1970 ก็ก้าวขึ้นมาเล่นในดิวิชั่น 2 และอีก 9 ปีต่อมาก็ไต่ขึ้นมาสูง ดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ

การเติบโต แบรสต์ อาจจะดูรวดเร็วแต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็มีปัญหาภายในอยู่ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงินซึ่งถึงขั้นเคยถูกฟ้องล้มละลายก็มีเหมือนกัน รวมไปถึงปัญหาของฝ่ายบริหาร

หากจะพูดถึงฤดูกาลที่ดีที่สุดของ แบรสต์ บนเวทีลีกสูงสุดเท่าที่เคยมีมาก็น่าจะเป็นช่วงยุค 90 ซึ่งเป็นช่วงที่มีตำนานที่ชื่อ ดาวิด ชิโนล่า ที่พาทีมจบอันดับ 11 เมื่อปี 1991

แบรสต์ หายหน้าหายตาไปนานทั้งหล่นไปเล่นในลีกสมัครเล่น, ขึ้นมา ดิวิชั่น 3 บ้าง ดิวิชั่น 2 บ้าง ก่อนที่จะกลับมาโลดแล่นบนเวที ลีก เอิง อีกครั้งในปี 2010 และก็ไม่เคยจบอันดับสูงกว่าที่ 11 อีกเลย แถมยังมีช่วงที่ตกชั้นกลับไป ลีก เดอซ์ ในช่วงปี 2013-19 อีกด้วย

แต่ในฤดูกาล 2023-24 ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่านี่คือปีที่ดีที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์สโมสร ในยุคที่ ลียง ตกต่ำต้องดิ้นรนขึ้นมาจากโซนตกชั้น พวก มาร์กเซย และ แรนส์ ต่างก็มีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานและห่างไกลจากพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

กลายเป็นว่าตอนนี้ แบรสต์ คือหนึ่งในทีมที่กำลังลุ้นโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในชีวิตกับ โมนาโก, ลีลล์ และ นีซ ซึ่งกำลังรั้งอันดับ 2 หลังผ่านการแข่งขันไป 28 นัด มี 53 คะแนน การลุ้นแชมป์กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง คงเป็นไปไม่ได้ แต่หากเป็นการคว้าโควต้าไปลุยถ้วย "บิ๊กเอียร์" แน่นอนว่ามันมีความเป็นไปได้ไม่น้อย

บนหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขาถ้าไม่นับการได้แชมป์ในระดับสมัครเล่น ก็มีแค่แชมป์เดียวนั่นคือแชมป์ ลีก เดอซ์ เมื่อปี 1981 ส่วนในรายการบอลถ้วยระดับ เฟร้นช์ คัพ ก็เคยไปไกลสุดแค่รอบ 8 ทีมในปี 1983 และ 2015

แน่นอนว่าคนที่ควรได้รับเครดิตความดีความชอบมากๆ ก็คงต้องยกให้ เอริค รอย อดีตมิดฟิลด์ของ นีซ, ลียง, มาร์กเซย และ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งปัจจุบันเป็นโค้ชในวัย 56 ปี

เรื่องประสบการณ์คุมทีมต้องยอมรับว่าค่อนข้างน้อย เพราะนี่คือสโมสรที่ 2 ในชีวิตของเขา หลังเคยคุม นีซ มาก่อนหน้านี้ เกือบๆ 2 ปี แต่ก็ไม่ได้มีผลงานที่น่าประทับใจนัก เขาได้รับการแต่งตั้งเมื่อมกราคมปีที่แล้ว และแน่นอนว่านี่คือปีแรกของ รอย ที่ได้ทำหน้าที่บัญชาทัพแบบเต็มๆ ซีซั่น

เขาใช้เงินเสริมทัพไปแค่ 3.5 ล้านยูโรจากการเสริมทัพนักเตะ 8 คนซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบการยืมตัว และแต่ละคนต่างก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น แบรดลี่ย์ ล็อคโค่, มาร์ติน ซาเตรียโน่, โฌนาส มาร์กแต็ง, มาห์ดี้ กามาร่า รวมไปถึง คาโมรี่ ดูมเบีย ที่กำลังนำเป็นดาวซัลโวของทีม ณ ตอนนี้ที่ 6 ประตูเท่ากับ โรแมง เดล คาสติโญ่

อย่างที่ทราบกันว่า แบรสต์ ไม่ใช่ทีมใหญ่ และก็ไม่ใช่ทีมที่มีเกมรุกจัดจ้าน ยิงประตูไม่ได้เยอะ แต่จุดเด่นของพวกเขาคงเป็นเรื่องของทีมเวิร์ค รัดกุม เกมรับเหนียวแน่น เพราะนี่คือทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีกที่ 23 ประตู และก็แพ้ไปเพียงแค่ 5 นัดจาก 28 เกมซึ่งเป็นสถิติที่ดีกว่า โมนาโก, นีซ, ล็องส์ รวมไปถึง แรนส์, ลียง และ มาร์กเซย ด้วย

เหล่าบรรดาแฟนบอลของ แบรสต์ ต่างก็กำลังมั่นใจ ผลงานและมาตรฐานของทีมก็ดีไม่มีตก เคยมีช่วงเวลายที่ไร้พ่ายติดต่อกันถึง 13 นัด และนั่นทำให้ให้ เอริค รอย ได้รับการสรรเสริญว่าเป็น "เดอะ คิง" เพราะโอกาสในการไปโลดแล่นบนเวทีระดับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในชีวิตอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วจริงๆ 

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline