logo-heading

หลังเกม ! สิงห์ ไม่คมไม่พอ เจอดราม่า VAR อีกก่อนโดน เรือใบ ดับฝัน 1-0 ร่วง เอฟเอ คัพ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นทีมแรกที่ได้ผ่านเข้าไปรอในศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ หลังเป็นฝ่ายเฉือนเอาชนะ เชลซี ไปแบบหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของ แบร์นาโด้ ซิลวา และถึงแม้เกมการแข่งขันมันจะจบลงไปแล้วแต่ก็อย่างที่เห็นว่าเกมนี้ยังมีเรื่องราวหลากหลายประเด็นให้ต้องพูดถึง จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกัน

[ แฮนด์บอลของ ขุนแจ็ค ]

ข้อกังขาเดียวและเป็นข้อกังขาที่ใหญ่ที่สุดในวันนี้ก็คงไม่พ้นประเด็น แฮนด์บอล ของ แจ็ค กรีลิช ภาพมันค่อนข้างชัดมากๆ ว่าช็อตที่ เชลซี ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ โคล พาลเมอร์ ยิงด้วยซ้ายแล้วบอลไปชนแฉลบกำแพงและทะลุออกหลังไป

ภาพรีเพลย์มันค่อนข้างชัดเจนว่าควรเป็นแฮนด์บอล เพราะบอลมันไปโดนแขนของ แจ็ค กรีลิช ที่กางออกขณะกระโดดจริงๆ ไม่ได้แนบลำตัว ใครเห็นก็มั่นใจได้เลยว่ายังไงก็ควรเป็นจุดโทษ แต่สิ่งที่เหลือจะเชื่อก็คือผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ไม่เป่าให้ฟาวล์

ส่วนทีม VAR ก็ยังคงท็อปฟอร์มเพราะเช็คแล้วก็ไม่ตัดสินให้ เชลซี ได้ลูกจุดโทษเช่นกัน มิหนำซ้ำยังชี้ให้เป็นลูกตั้งแต่จากประตูของ แมนฯ ซิตี้ ทั้งที่บอลโดนผู้เล่นคู่แข่งออกหลัง ไม่ว่าใครจะพูดยังไงนี่คือการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม 1,000 เปอร์เซนต์ ขนาดตัวของ กรีลิช เองยังยิ้มแบบเขินๆ เลยกับจังหวะที่เกิดขึ้น

[ นิโคลัส แจ็คสัน ]

ความพ่ายแพ้ในเกมนี้จะโทษ VAR อย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราถึง แมนฯ ซิตี้ จะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แต่รูปเกมก็ไม่ได้เหนือไปกว่า เชลซี ในเรื่องโอกาสลุ้นทำประตู แมนฯ ซิตี้ อาจจะเอาตัวเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษคู่แข่งได้มากกว่า แต่พวกเขาก็แทบยิงไม่ตรงกรอบเลย

ผิดกับทาง เชลซี ที่สวนขึ้นมาแต่ละดอกยังดูวูบวาบยิ่งกว่า และก็ต้องยอมรับว่ามีโอกาสได้ล่อเป้าเหน่งๆ เยอะกว่า และชัดเจนกว่าจริงๆ 

โอกาสที่มากมายในเกมนี้ของ เชลซี ส่วนใหญ่จะเป็นของ นิโคลัส แจ็คสัน ไม่มีใครหน้าไหนที่ได้โอกาสทองไปมากกว่าพี่แกอีกแล้ว

ครึ่งแรกจังหวะหลุดเดี่ยวจากกลางสนามใครเห็นก็ว่าเข้าเพราะมันเหน่งๆ เลย มีทั้งพื้นที่ ช่องทางในการยิงค่อนข้างกว้าง แต่ก็ดันปอดแหกไม่กล้าที่จะยิงสวน สเตฟาน ออร์เตก้า และเลือกที่จะดึงจังหวะและล็อคหลบ พอยิงไม่ได้ก็จ่ายคืนหลังและก็โดน แมนฯ ซิตี้ ตัดบอลไปง่ายๆ ไม่แปลกที่แฟนๆ เชลซี จะตะโกนด่าพ่อล่อแม่กันทั่วทั้งโลก

เท่านั้นยังไม่พอ . . . ครึ่งหลัง พ่อแจ็คสัน ก็ยังมีโอกาสเนาะๆ ได้แก้ตัว จังหวะที่ คอนอร์ กัลลาเกอร์ แทงทะลุช่องมาให้นั้นโคตรจะสวย แต่ก็ไม่เด็ดขาดพอที่จะยิงผ่าน ออร์เตก้า ในระยะจ่อๆ เช่นเดียวกับจังหวะต่อมาที่ได้โขกในระยะเผาขนก็ยังเบาและไปตรงตัว ออร์เตก้า อีก

เรื่องความทุ่มเท, การมีส่วนร่วมกับเกม และการสร้างปัญหาให้แนวรับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยความเร็วและความคล่องตัวในยามไปกับบอลแน่นอนว่าต้องยกนิ้วโป้งให้เลย แต่เรื่องการจบสกอร์ไม่มีนิ้วไหนเหมาะสมไปกว่านิ้วกลางอีกแล้ว

ตามที่สื่อดังอย่าง Telegraph รายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า นิโคลัส แจ็คสัน ตั้งเป้าที่จะยิงให้ได้แตะหลัก 15 ประตูใน พรีเมียร์ลีก และยิงให้ได้ 20 ประตูรวมทุกรายการ เพื่อที่จะได้ดูไม่ล้มเหลวกับการย้ายมา เชลซี ปีแรก แต่เมื่อลืมตาดูโลกแห่งความเป็นจริงมันย้อนแย้งกันสุดๆ 

ปากเคยพูดเอาไว้ว่าอยากเป็นได้ให้เหมือนตำนานอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นแวว ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ถ้าจะพูดว่าใครคือคนที่เป็นผู้ร้ายที่สุดนั่นก็คงไม่พ้นพ่อ นิโคลัส แจ็คสัน

[ ตัวเปลี่ยนเกมคนละเรื่อง ]

ในช่วงที่รูปเกมของ เชลซี เหนือกว่าการที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ส่งแนวรุกอย่าง เฌเรมี่ โดกู ลงมามันคือตัวเปลี่ยนเกมอย่างแท้จริง เพราะโมเมนตั้มค่อยกลับไปอยู่ทาง แมนฯ ซิตี้ และหลังจากนั้น เชลซี ก็แทบไม่มีโอกาสได้ยิงตรงกรอบอีกเลย

เบน ชิลเวลล์  และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ถูกลงมาก็ไม่ใช่ช่วยให้ เชลซี กลับมามีโอกาสที่ดีขึ้นกว่าเดิม ส่วน มิโคโล มูดริค ที่ดูจะหนักที่สุด โปเช็ตติโน่ กะส่งมาเพื่อให้กราบซ้ายมีความวูบวาบมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นนักเตะที่มีแต่ความเร็ว เรื่องเปิดบอลเอาไปเลย 0 คะแนน เพราะในจังหวะที่ต้องเน้นๆ เพื่อลุ้นโอกาสก็ดันเปิดแรงข้ามหัวเพื่อนไปหมด

[ สถิติไม่น่าจดจำ ]

ความพ่ายแพ้ในเกมนี้เท่ากับ เชลซี โดน แมนฯ ซิตี้ เขี่ยตกรอบ เอฟเอ คัพ ถึง 6 ครั้งจากการเจอกัน 8 ครั้งหลังสุด และตัวของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เองก็ไม่เคยผ่านไปไกลเกินกว่ารอบรองชนะเลิศในรายการนี้ (ปี 2017 สเปอร์ส แพ้ เชลซี 2-4, ปี 2018 สเปอร์ส แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 1-2 และล่าสุด ปี 2024 เชลซี แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-1)

สถิติของ เชลซี หลังเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ในนัดชิงฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2021 คือ ไม่ชนะ "เรือใบสีฟ้า" เลยตลอด 9 เกมที่เจอกัน แพ้ 7 เสมอ 2 โดนเขี่ยตกรอบ คาราบาว คัพ 1 ครั้ง และโดนเขี่ยตกรอบ เอฟเอ คัพ 2 ครั้ง

แชมป์โทรพี่แรกของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็คงต้องรอต่อไป ไม่รู้ว่าจะได้ยังได้โอกาสอยู่คุมทีมต่อไหมในซีซั่นหน้า

[ แบร์นาโด้ แก้ตัวสำเร็จ ]

ประตูชัยของ แบร์นาโด้ ซิลวา มันมีความหมายมากๆ ต่อแฟนบอลและสโมสร เพราะนั่นยังช่วยให้ต้นสังกัด แมนฯ ซิตี้ ได้ลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวถึง 2 รายการ และมันก็ยังมีความหมายต่อตัวเขามากๆ เพราะนั่นคือการแก้ตัวจากการซัดจุดโทษพลาดในเกมที่โดน เรอัล มาดริด เขี่ยตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

นอกจากนี้ชัยชนะในเกมดังกล่าวยังสร้างสถิติในระดับสโมสรที่ไม่แพ้ใครติดต่อกันยาวนานที่สุดเป็นนัดที่ 29 (ชนะ 23 เสมอ 6) และจะเข้าไปรอชิงชัยกับผู้ชนะระหว่าง โคเวนทรี ซิตี้ หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline