logo-heading

หลังเกม ! ลิเวอร์พูล สะดุดบุกเจ๊า เวสต์แฮม 2-2 แทบหมดโอกาสลุ้นแชมป์

เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ ลิเวอร์พูล ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะล่าสุดทำให้แค่บุกไปเสมอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-2 ทำให้โอกาสลุ้นแชมป์นั้นแทบไม่เหลือแล้ว ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจจะมีอะไรบ้างไปดูกัน

[ ปัญหาเดิมๆ ]

ปัญหาเดิมๆ ของ ลิเวอร์พูล ในช่วงหลังๆ ก็คือการใช้โอกาสที่เปลืองมากๆ เช่นเดียวกับวันนี้ก็ไม่ต่างจากเดิม พวกเขาเป็นทีมที่ครองเกมได้มากกว่า 71.3 ต่อ 28.78 เปอร์เซนต์ มีโอกาสยิงมากถึง 28 ครั้ง แต่ก็ตรงกรอบแค่ 8 ครั้งเท่านั้น ส่วนทาง เวสต์แฮม ยิงตรงกรอบเท่ากันทั้งที่มีโอกาสทั้งหมดแค่ 11 ครั้ง แน่นอนว่าถ้าเปลี่ยนจากโอกาสที่มีได้อีกสักประตู พวกเขาก็น่าจะได้ 3 คะแนนไปแล้ว

รูปเกมครึ่งหลังของ ลิเวอร์พูล อาจจะดูดีขึ้นและกลับมาเป็นฝ่ายพลิกกลับมาแซงนำ 2-1 แต่เกมรับในหลายๆ จังหวะก็ดูจะผิดพลาดและป้องกันได้ไม่ดี ยกตัวอย่างช็อตโดนตีเสมอ 2-2 ค่อนข้างชัดว่า บอลลอยมาเข้าหัว มิคาอิล อันโตนิโอ ทั้งที่มีตัวประกบอยู่ถึง 2 คน ดังนั้นเมื่อมีโอกาสมากมายและคุณยิงเขาไม่ได้ ก็ไม่แปลกถ้าคุณท้ายจะเป็นฝ่ายโดนเสียเอง

ก่อนเริ่มเกม ลิเวอร์พูล ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่สร้างสรรค์โอกาสได้มากที่สุดใน 5 ลีกดังยุโรปซีซั่นนี้ที่ 687 ครั้ง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตัวเลขค่าเฉลี่ยของความผิดพลาดนั้นเยอะมากเมื่อเทียบกับโอกาสในการเปลี่ยนเป็นประตู

[ ฤดูกาลที่น่าจดจำของ โบเว่น ]

ก่อนหน้านี้เขาสร้างสถิติกลายเป็นผู้เล่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ยิงประตูได้มากสุดใน พรีเมียร์ลีก ต่อ 1 ซีซั่น แต่ล่าสุดก็มีสถิติใหม่เกิดขึ้นอีก โดยเจ้าตัวกลายเป็นผู้เล่นเวสต์แฮม คนแรกที่ยิงได้ 20 ประตูรวมทุกรายการต่อ 1 ซีซั่นในยุคที่เปลี่ยนชื่อ ดิวิชั่น 1 มาเป็น พรีเมียร์ลีก

 

1 ประตูที่เขาทำให้ได้ในวันนี้ทำให้เขายิงใส่ ลิเวอร์พูล ได้ทั้ง 3 นัดที่เจอกันในซีซั่นนี้ ทั้งเกมเยือนที่แพ้ 1-3 เกมวันนี้ที่เสมอ 2-2 และเกม ลีก คัพ ที่แพ้ 1-5 เท่ากับว่าตอนนี้ จาร์ร็อด โบเว่น มีส่วนร่วมถึง 6 ประตูจากการลงเล่น 10 นัดที่เจอกับ ลิเวอร์พูล

เท่านั้นยังไม่พอ 1 แอสซิสต์ที่เขาทำได้ในวันนี้ทำให้ โบเว่น กลายเป็นนักเตะคนที่ 5 ของ เวสต์แฮม ที่แอสซิสต์ได้แตะหลัก 30 ครั้งใน พรีเมียร์ลีก ต่อจาก มาร์ค โนเบิ้ล, มิคาอิล อันโตนิโอ, เปาโล ดิ คานิโอ้ และ อารอน เครสส์เวลล์

[ โม ซาลาห์ ]

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คือหนึ่งในคนที่โดนวิพากษ์จารณ์เยอะมาก เพราะตั้งแต่ไปเล่น แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ พอกลับมาก็ฟอร์มตกลงไปดื้อๆ มีปัญหาเรื่องความฟิต และใช้โอกาสเปลือง ไม่ได้เด็ดขาดเมื่อช่วงที่ผ่านๆ มา ถึงแม้จะทำประตูได้เยอะที่สุดในทีมก็ตาม

วันนี้เจ้าตัวได้ออกสตาร์ทที่ม้านั่งสำรอง และถูกส่งลงสนามในช่วง 12 นาทีสุดท้ายของเกม แต่ในขณะที่กำลังจะเปลี่ยนตัวลงมา ลิเวอร์พูล ก็ดันมาโดนประตูตีเสมอ 2-2 พอดี จากนั้นก็มีภาพจับได้หลังคุยอะไรบางอย่างกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก่อนที่เจ้าตัวจะโวยวายออกมา จน ดาร์วิน นูนเญซ ต้องเข้ามาห้ามไว้

ถึงไม่ทราบถึงที่มาและเหตุผลที่แน่ชัด แต่ว่านั่นคือภาษากายที่ไม่ดีเลย แต่หลังจบเกมทาง เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่ โม ซาลาห์ แสดงท่าทีไม่พอใจแล้วว่า "เราได้คุยกันแล้วในห้องแต่งตัว และสำหรับผมมันจบแล้ว ทุกอย่างโอเค"

ส่วนทาง ซาลาห์ เดินผ่านโซนผู้สื่อข่าว เขาปฏิเสธให้สัมภาษณ์แล้วบอกว่า "ถ้าผมพูดอะไรวันนี้ มันน่าจะลุกเป็นไฟ"

บางทีเหตุผลของความไม่พอใจนั้นอาจมาจากช่วงหลังฟอร์มไม่ดี เกมนี้ก็ได้ออกสตาร์ทที่ม้านั่งสำรอง และกว่าจะได้ลงก็คือช่วง 10 นาทีสุดท้าย แถมก่อนเปลี่ยนตัวทีมยังเสียประตูอีกต่างหาก

[ หมดลุ้นแชมป์ ]

นับเป็นช่วง 6 สัปดาห์ที่พลิกผันสำหรับ ลิเวอร์พูล ไล่ตั้งแต่การไม่ชนะเลยในศึก "แดงเดือด" ตลอด 3 นัดในฤดูกาลนี้ ตกรอบ เอฟเอ คัพ, ตกรอบ ยูโรปา ลีก แพ้คาบ้านให้ทั้ง อตาลันต้า และ คริสตัล พาเลซ

ลิเวอร์พูล ทำแต้มหล่นไปเยอะมากในช่วงเวลาดังกล่าว และหลังจากความผิดหวังในเกมนี้เท่ากับว่าแข่งไป 35 นัด มี 75 คะแนน รั้งอยู่อันดับ 3 ตามหลังจ่าฝูง อาร์เซน่อล 2 คะแนน และ "ปืนใหญ่" แข่งน้อยกว่า 1 นัด

ส่วน แมนฯ ซิตี้ นำ ลิเวอร์พูล อยู่ 1 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่าถึง 2 นัด ถึงตามทฤษฏี ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังมีโอกาส แต่ถ้าดูจากความเป็นไปได้ในอีก 3 นัดที่เหลือมันเกิดขึ้นได้ยากมากจริงๆ 

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline