นับตั้งแต่ที่มีการประกาศคอนเฟิร์มว่า โธมัส ทูเคิ่ล จะแยกทางจาก บาเยิร์น มิวนิค หลังฤดูกาลนี้ มันเป็นเวลากว่า 3 แล้วในการตามหากุนซือคนใหม่ที่ใช่และมีคุณสมบัติที่เหมาะสมตามต้องการ
แต่ดูเหมือนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นมันจะมีแต่ความว่างเปล่าและยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนหรือความเป็นไปได้ใดๆ เลย
การคุมสโมสรอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ก็ถือเป็นงานที่ท้าทาย การันตีว่าได้ลุ้นความสำเร็จในทุกๆ ถ้วย และทุกๆ ปี มีนักเตะดีๆ อยู่เต็มทีม และได้ชื่อว่าเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่เป็นเบอร์ต้นๆ ของโลก แต่จนถึงตอนนี้ยังหากุนซือคนใหม่ไม่ได้
ชาบี อลอนโซ่ ปฏิเสธเพราะเลือกที่จะอยู่สร้างโปรไฟล์กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ต่อไปหลังจากมีฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำ ส่วน ราล์ฟ รังนิค ก็ตอบปฏิเสธเพราะต้องการโฟกัสกับ ทีมชาติออสเตรีย ใน ยูโร 2024
พอเบนเป้าหันกลับไปหาโค้ชคนเก่าอย่าง จูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ถึงจะเคยเปรยๆ ว่าคิดถึงงานคุมทีมระดับสโมสร แต่ก็ปฏิเสธการกลับมา บาเยิร์น รอบสองโดยมีการอ้างว่าความเจ็บปวดเมื่อตอนจากกันครั้งก่อนยังคงอยู่ ก็เลยตัดสินใจต่อสัญญากับ ทีมชาติเยอรมัน ออกไป
ส่วน ฮานซี่ ฟลิค ที่เพิ่งมีข่าวเชื่อมโยงกันเมื่อไม่นานมานี้ก็เหมือนจะไม่ตอบรับ เพราะสื่ออย่าง สกาย สปอร์ต เยอรมัน รายงานว่า มีแนวโน้มค่อนข้างสูงที่เขาจะตอบปฏิเสธการกลับมาคำรบที่ 2
พวกกุนซือเก่งๆ ดีกรีคว้าแชมป์ลีกใหญ่ๆ อย่าง ซีเนดีน ซีดาน ถึงแม้จะเป็นหนึ่งในคนที่แฟนๆ รีเควสต์มากที่สุดก็ตอบปฏิเสธไปแล้วก่อนนัดที่จะเจอ เรอัล มาดริด ส่วน โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เคยมีข่าวพัวพันกันก็เหมือนจะเงียบๆ ไปแล้ว
อันโตนิโอ คอนเต้ ที่มีคาแร็คเตอร์แข็งกร้าวและมักมีปัญหากับบอร์ดบริหารและนักเตะก็ดูไม่เหมาะกับแนวทางของ บาเยิร์น มิวนิค ส่วน เจอร์เก้น คล็อปป์ อีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจก็คอนเฟิร์มแล้วว่าจะขอพักหลังแยกทางกับ ลิเวอร์พูล
ตอนนี้เป้าหมายต่อไปที่กำลังเป็นกระแสก็คือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ของ ไบร์ทตัน ที่ถูกมองเป็นแคนดิเดทหลัก แต่คำถามก็คือเขาเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า โธมัส ทูเคิ่ล รึเปล่า ?
เด แซร์บี้ อาจจะได้รับคำชมอยู่มากเรื่องการวางแท็คติก การแก้เกม ทำทีมเล่นบอลสนุก เอ็นเตอร์เทน เป็นฟุตบอลสมัยใหม่ ให้โอกาสและปลุกปั้นนักเตะหน้าใหม่ๆ ได้ดีมากๆ ซึ่งก็เหมาะกับแนวทางของ บาเยิร์น มิวนิค
แต่อาจไม่ใช่ทั้งหมดเพราะอย่าลืมว่าวิถีชีวิตและแนวทางที่ บาเยิร์น มิวนิค ไม่เหมือนกับ ไบร์ทตัน ที่ค่าเฉลี่ยทีมอายุอาจจะไม่ได้เยอะ มีแต่แข้งหน้าใหม่ๆ และไม่ได้มีอีโก้สูงเหมือนขุมกำลังของ "เสือใต้" ดังนั้นการรับมือกับแข้งซีเนียร์ก็ถือเป็นอีกข้อที่น่ากังวล
และที่สำคัญเลยก็คือเรื่องบอร์ดบริหารที่ดูจะมีการเมืองภายใน เพราะนับตั้งแต่ อูลี่ เฮอเนส กับ คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ไม่อยู่แล้วจะสังเกตได้ว่าปัญหาภายในก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่อาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ว่าทำไม บาเยิร์น มิวนิค ถึงยังหากุนซือคนใหม่ไม่ได้จนถึงตอนนี้ แน่นอนว่าคนที่หนักใจที่สุดตอนนี้ก็คือผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่อย่าง มักซ์ เอเบิร์ล
มักซ์ เอเบิร์ล ตั้งเป้าเอาไว้ต้องหากุนซือคนใหม่ให้ได้ภายในเดือนเมษายน แต่ตอนนี้มันกลางเดือนพฤษภาคมแล้ว และเหลืออีกสัปดาห์เดียวจะจบซีซั่นแต่ก็ยังไม่มีวี่แววใดๆ
ไม่แน่ใจว่า บาเยิร์น เริ่มเปิดฉากเจรจากับ เด แซร์บี้ แล้วรึยัง ? มันอาจจะเป็นความต้องการ เอเบิร์ล ที่ชื่นชอบในตัว กุนซืออิตาเลี่ยน เป็นพิเศษ แต่ก็ต้องรอฟังคำชัดเจนจากทางบอร์ดบริหารอีกทีว่าจะเอายังไง ? การได้คนที่สื่อสารภาษาเยอรมันไม่ได้อาจจะเป็นปัญหารึเปล่า ?
และในขณะเดียวกัน . . .จากกระแสที่ว่ายังไง บาเยิร์น ก็จะเอากุนซือคนใหม่ให้ได้มันกลับกลายเป็นว่าเสียงภายในเริ่มแตกเป็นสองฝั่ง ทางบอร์ดบริหารบางคนเริ่มคิดถึงเรื่องการให้โอกาส โธมัส ทูเคิ่ล ต่อไป ทางฝั่งของพวกนักเตะเองไม่ว่าจะเป็น มานูเอล นอยเออร์, โธมัส มุลเลอร์ และ แฮร์รี่ เคน ก็เหมือนจะอยากให้ นายใหญ่ชาวเยอรมัน อยู่ต่อเช่นกัน
HaMu Dos Santos