logo-heading

เป็นไปตามคาด ! แว็งซ็องต์ ก็องปานี ได้กลายเป็นกุนซือคนใหม่ของ บาเยิร์น มิวนิค แต่สิ่งที่เขาต้องเจอ และสิ่งที่สโมสรคาดหวังนั้นมีมากมาย จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

KEY

POINTS

เป็นไปตามคาด ! แว็งซ็องต์ ก็องปานี ได้กลายเป็นกุนซือคนใหม่ของ บาเยิร์น มิวนิค แต่สิ่งที่เขาต้องเจอ และสิ่งที่สโมสรคาดหวังนั้นมีมากมาย จะมีอะไรบ้างไปดูกัน 

สิ่งที่ บาเยิร์น มิวนิค คาดหวังในตัว แว็งซ็องต์ ก็องปานี

บาเยิร์น มิวนิค ใช้เวลาอยู่ 3 เดือนในการตามหากุนซือคนใหม่ที่จะมารับช่วงต่อจาก โธมัส ทูเคิ่ล หลังโดนหลายๆ คนปฏิเสธไม่ว่าจะเป็น ชาบี อลอนโซ่, จูเลี่ยน นาเกลส์มันน์, ราล์ฟ รังนิค และ ฮานซี่ ฟลิค เป็นต้น

แต่แล้วล่าสุดก็ได้แต่งตั้ง แว็งซ็องต์ ก็องปานี เข้ามาเป็นนายใหญ่ผู้บัญชาทัพคนใหม่เรียบร้อย แน่นอนว่านี่ตัวเลือกที่ทำให้หลายๆ ฝ่ายต้องอุทานขั้นตะโกนว่า "ห๊ะ !!!" เพราะนี่คือคนที่เพิ่งพาทีมอย่าง เบิร์นลี่ย์ ตกชั้นมาหมาดๆ

การเข้ามารับงานคุมทีม บาเยิร์น มิวนิค คือประสบการณ์ครั้งสำคัญของ ก็องปานี แต่ในทางกลับกันก็จะนำมาซึ่งความกดดันในระดับมหาศาล เพราะมันคืองานใหญ่ระดับบิ๊กยุโรปครั้งแรก ดังนั้นเรามาดูกันหน่อยดีกว่าสิ่งที่ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ต้องเจอกับอะไรบ้าง รวมไปถึงสิ่งที่บิ๊กเนมอย่าง "เสือใต้" คาดหวัง

[ การคว้าแชมป์ ]

ความคาดหวังสูงสุดก็คงจะเป็นเรื่องใดไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่การคว้าแชมป์ เพราะที่ผ่านมา บาเยิร์น มิวนิค คือทีมที่การันตีว่ามีแชมป์ทุกปีโดยเฉพาะใน บุนเดสลีกา รวมไปถึงในรายการระดับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้าเกิดตกรอบเร็วนี่ต้องบอกเลยว่าทัวร์มากันทั้งบางแน่นอน

แว็งซ็องต์ ก็องปานี มีแค่เพียงประกบการณ์เดียวเกี่ยวกับการคว้าแชมป์ในฐานะกุนซือนั่นคือการพา เบิร์นลี่ย์ คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เมื่อซีซั่นก่อนโน้นพร้อมกับได้ตั๋วเลื่อนชั้นสู่เวที พรีเมียร์ลีก

ตอนคุมทีมอย่าง อันเดอร์เลชท์ ในบ้านเกิดที่ เบลเยี่ยม นี่ก็ถือเป็นทีมที่ลุ้นแชมป์เหมือนกัน แต่ในฤดูกาลแรก (2019-20) เขาพาทีมจบอันดับ 8 ส่วนปีต่อมาจบอันดับ 3 ในซีซั่นปกติ และจบอันดับ 4 ในรอบลุ้นแชมป์ เช่นเดียวกับซีซั่นสุดท้ายก็พาทีมจบอันดับ 3 ในซีซั่นปกติ และคว้าอันดับ 10 ในรอบ แชมเปี้ยนชิพ ราวด์

[ การรับมือกับนักเตะ ]

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับโค้ชหน้าใหม่ที่ยังหนุ่มก็คือการต้องรับมือความนักเตะภายในทีม ซึ่ง บาเยิร์น มิวนิค ก็จัดว่าเป็นทีมที่มีนักเตะบิ๊กเนมและอีโก้สูงๆ หลายคน ขนาด จูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ สมัยที่ยังอยู่ที่นั่นก็เจอกับปัญหานี้เช่นกันในเรื่องการมีปัญหากับตัวนักเตะ

แว็งซ็องต์ ก็องปานี ก็อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน และก็ไม่ได้มีบารมีที่สูงส่งอะไร และตอนนี้ก็อายุ 38 ปีเท่ากับผู้รักษาประตูจอมเก๋าอย่าง มานูเอล นอยเออร์ และห่างจากอีกหนึ่งแข้งซีเนียร์อย่าง โธมัส มุลเลอร์ แค่ 3-4 ปี ซึ่ง 2 คนนี้น่าจะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการรับมือกับเรื่องนี้

[ โมเดลโค้ชหนุ่มไฟแรง ]

ฤดูกาลที่ผ่านมามีโค้ชหน้าใหม่ไฟแรงที่ผลงานเข้าตาอยู่หลายคนไม่ว่าจะเป็น ชาบี อลอนโซ่ ที่ทำให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มีฤดูกาลที่มหัศจรรย์ มิเชล ซานเชซ ที่พาทีมอย่าง จีโรน่า ได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในชีวิต เช่นเดียวกัน ติอาโก้ ม็อตต้า กับ โบโลญญ่า คีแรน แม็คเคนน่า ของ อิปสวิช ทาวน์ และ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่พาทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จ

ว่ากันว่าที่ บาเยิร์น มิวนิค นั้นได้แรงบันดาลใจจากโค้ชเหล่านี้โดยยก ชาบี อลอนโซ่ เป็นเคสตัวอย่าง จึงตัดสินใจเสี่ยงที่จะให้โอกาสกุนซือหน้าใหม่เข้ามาวางรากฐาน หลังล้มเหลวในการทาบทามกุนซือดังหลายๆ คน 

อย่างที่ทราบกันว่ามันเป็นดีลที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์และแฟนๆ ไม่ค่อยเห็นชอบสักเท่าไหร่ ถึงจะเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ ก็องปานี เพิ่งมีประสบการณ์การคุมทีมแค่ 5 ปี ดังนั้นมันจะมีความเสี่ยงสูงในหลายๆ ด้าน

[ ฟุตบอลสมัยใหม่ ]

มีคำถามเกิดขึ้นว่า บาเยิร์น มิวนิค หน้ามืดรึเปล่า ? หาใครไม่ได้แล้วเหรอทำไมจึงไปเอากุนซือทีมที่ตกชั้น ? แต่ในทางกลับกัน แว็งซ็องต์ ก็องปานี ก็ทำทีมอย่าง เบิร์นลี่ย์ ได้น่าสนใจ เกมรุกมีมิติ เล่นบอลสวยงาม ต่อบอลตามช่อง มีทีมเวิร์คที่ดี และมีการเพรสซิ่งไล่บี้คู่แข่งซึ่งถือเป็นการเล่นแบบฟุตบอลสมัยใหม่ 

บาเยิร์น มิวนิค ไม่ได้โฟกัสเรื่องการพา เบิร์นลี่ย์ ตกชั้นแต่มองว่า แว็งซ็องต์ ก็องปานี เป็นโค้ชที่มีของให้ปล่อยอีกมาก ขุมกำลังที่ เบิร์นลี่ย์ ไม่ได้มีศักยภาพมากพอในการต่อกรกับหลายๆ ทีมที่เหนือชั้นกว่าใน พรีเมียร์ลีก

ต่างจากตอนอยู่ใน แชมเปี้ยนชิพ ที่ เบิร์นลีย์ เป็นทีมที่โหดและไร้เทียมทาน เพราะศักยภาพลูกทีมนั้นอยู่ในระดับที่ต่อกรได้ทุกทีม แต่ไม่ใช่กับใน พรีเมียร์ลีก ดังนั้น บาเยิร์น จึงมองว่าถ้า ก็องปานี ได้ใช้องค์ประกอบต่างๆ ที่มีที่ บาเยิร์น มิวนิค มีอาวุธที่ครบมือแบบนี้ก็อาจจะได้เห็นคุณภาพที่แท้จริงในตัวของเขาก็เป็นได้

[ ลูกศิษย์ เป๊ป ]

ต้องยอมรับว่าที่ แว็งซ็องต์ ก็องปานี เป็นกุนซือที่ได้รับความสนใจไม่น้อยส่วนหนึ่งก็มาจากบารมีและกุศลของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เขาอยู่ในยุคที่ แมนฯ ซิตี้ นั้นรุ่งเรืองมาตั้งแต่ โรแบร์โต้ มันชินี่ กับ มานูเอล เปเยกรินี่ แต่ในขั้นที่พีคสุดๆ ก็ต้องยกให้ยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

นี่คือกัปตันทีมที่ประสบความสำเร็จช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ได้มากมายกับ "เรือใบสีฟ้า" ทาง บาเยิร์น มิวนิค ก็คงมองว่าการได้ร่วมงานกับยอดกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เรียนรู้ทักษะและแท็คติกหลายๆ อย่างก็น่าจะซึบซับเคล็ดวิชาอะไรมาบ้าง

และที่สำคัญคือลูกศิษย์ของ เป๊ป พอแยกตัวออกมาแต่ละคนต่างก็มีผลงานดีๆ ทั้งนั้น อย่างที่เราได้เห็นจาก มิเกล อาร์เตต้า ที่พา อาร์เซน่อล กลับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง และกลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา

และอีกคนก็คือ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ตอนคุม ปาร์ม่า เมื่อ 3 ปีก่อนก็มีผลงานที่น่าผิดหวัง คุมทีมได้แค่ 6 เดือนก็โดนสั่งปลดออกจากตำแหน่ง ก่อนจะกลับมาอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ในปี 2022 โดยรับบทเป็นผู้ช่วยของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

หลังจากแยกตัวออกมางานแรกของเขาก็คือผลงานชิ้นโบว์แดงแบบสดๆ ร้อนๆ นั่นคือการพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ และตีตั๋วกลับมาโลดแล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ดังนั้นสิ่งที่ บาเยิร์น คาดหวังในตัว ก็องปานี ก็คือการประสบความสำเร็จตามรอยลูกศิษย์ เป๊ป คนก่อนๆ นั่นเอง

เดี๋ยวต้องมาดูกันว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ แว็งซ็องต์ ก็องปานี กับ บาเยิร์น มิวนิค จะเป็นอย่างไร ? แน่นอนว่าในทุกๆ เกม และทุกๆ ความเคลื่อนไหวของเขาจะอยู่ในความสนใจของสื่อและแฟนบอลแน่นอน

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline