logo-heading

จบไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับคู่บิ๊กแมตช์ในศึก ยูโร 2024 นัดที่ 2 ของรอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป บี ซึ่งลงเอยด้วยชัยชนะของ ทีมชาติสเปน ที่เฉือนแชมป์เก่า อิตาลี ไป 1-0 ไปดูกันหน่อยแล้วกันว่าเกมนัดนี้มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

[ สเปน เหนือกว่าตลอด 90 นาที ]

ถึงแม้จะเป็นการดวลกันของ 2 ทีมที่ได้ชื่อว่าเป็นชาติยักษ์ใหญ่ แต่ฟอร์มการเล่นและรูปเกมในวันนี้ค่อนข้างชัดว่า สเปน เหนือกว่าแบบหมดจดทั้งการครองบอลและโอกาสลุ้นทำประตู

มันมีช่วงที่ สเปน เปอร์เซนต์ครองบอลแบบเหนือกว่าถึง 80 เปอร์เซนต์ ก่อนที่ค่าเฉลี่ยรวมจะเหลือ 56 ต่อ 44 เช่นเดียวกับการเข้าทำ โดย อิตาลี มีโอกาสลุ้นทำประตูแค่เพียง 4 ครั้ง และตรงกรอบแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้นซึ่งเกิดขึ้นในช่วงก่อนหมดเวลา

ขณะที่ สเปน มีโอกาสลุ้นทำประตูที่มากกว่าถึง 5 เท่า หรือที่ 20 ครั้ง และตรงกรอบไปถึง 8 ครั้ง ต้องยอมรับว่าเกมรุกของ สเปน นั้นอันตรายจริงๆ มีความจัดจ้าน แต่ก็น่าเสียดายที่มีสกอร์เกิดขึ้นแค่ลูกเดียวเท่านั้น

แนวรุกแต่ละคนนั้นโดดเด่นจริงๆ ทั้ง อัลบาโร่ โมราต้า, ลามีน ยามาล และ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ แถมพวกตัวสอดขึ้นมาอย่าง เปดรี้ รวมไปถึงตัวสำรองอย่าง อโยเซ่ เปเรซ ก็โดดเด่นและหาโอกาสจบให้กับตัวองได้ทั้งนั้น แต่ที่ขาดอย่างเดียวก็คือประตูแค่นั้น 

แต่ถ้าจะพูดถึงคนที่โดดเด่นและสร้างปัญหาให้ อิตาลี ได้มากที่สุดวันนี้ต้องยกให้ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในวันนี้

[ ข้อดีอย่างเดียวของ อิตาลี ]

ถึงแม้ทีมแชมป์เก่าจะพบกับความพ่ายแพ้แต่สิ่งที่ให้เครดิตกับทาง อิตาลี ก็คือเกมรับ ผู้เล่นแดนกลางและแนวรับของพวกเขาแทบทุรนทุรายกันทุกคน เพราะไม่สามารถหยุดยั้งแนวรุกที่จัดจ้านของ สเปน ได้ด้วยตัวคนเดียว จำเป็นต้องมีตัวที่ 2-3 เข้ามาคอยซ้อนตลอด นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำได้ค่อนข้างดี

อีกคนที่ต้องได้รับคำชมก็คือนายทวารอย่าง จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ที่วันนี้เซฟลูกสำคัญๆ ได้มากมายถึง 7 ครั้ง ถ้าไม่ใช่เขาบางที สเปน คงปิดเกมไปตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว

ครึ่งหลัง ลูชาโน่ สปัลเลตติ เปลี่ยนแนวรุกส่งลงเป็นสำรองแทบทั้งหมด ถึงแม้จะกดดัน สเปน ได้หนักๆ ในช่วงท้ายแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนสกอร์ให้ไล่ตามตีเสมอได้ 

[ ริคคาร์โด้ คาลาฟิโอรี่ ]

ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ริคคาร์โด้ คาลาฟิโอรี่ แนวรับมาดเซอร์จากค่าย โบโลญญ่า กลายเป็นแข้งเนื้อหอมในช่วงข้ามคืน หลังผลงานเข้าตากรรมการสุดในวันที่ อิตาลี พลิกกลับมาแซงชนะ แอลเบเนีย 2-1 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม

ด้วยความที่เจ้าตัวแจ้งเกิดและโดนนำไปเปรียบเทียบกับตำนานอย่าง เปาโล มัลดินี่, อเลสซานโดร เนสต้า และ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ เนื่องจาการมีลีลาการเล่นและทรงผมคล้ายกัน ว่ากันว่าเหล่าบรรดาทีมใน พรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็น เชลซี, ไบร์ทตัน, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คือทีมที่กำลังต้องการตัวเขา ณ ตอนนี้

แต่ในเกมๆ นี้เขาต้องกลายเป็นผู้ร้ายเมื่อ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ เปิดบอลปาดเข้ามาหน้าปากประตูก่อนที่บอลจะไปโดนหน้าแข้ง ริคคาร์โด้ คาลาฟิโอรี่ ที่พยายามจะสกัดบอลทิ้งแต่ผิดเหลี่ยมจนกลายเป็นการทำ โอว์น โกล

และนั่นก็นำมาซึ่งสถิติที่ไม่น่าจดจำเพราะ ริคคาร์โด้ คาลาฟิโอรี่ กลายเป็นผู้เล่นอิตาลีคนแรกบนหน้าประวัติศาสตร์ที่ทำเข้าประตูตัวเองในศึก ยูโร

[ ลามีน ยามาล ]

เจ้าหนูมหัศจรรย์ ลามีน ยามาล ที่อายุแค่ 16 ปีย่างเข้า 17 ยังคงเด็ดดวงและสร้างเสียงฮือฮาให้กับแฟนบอลทั่วสนาม อารีน่า อัฟชาลเก้ โดยเฉพาะลีลาและทักษะการไปกับบอลที่เลี้ยงกินตัวและเล่นงานแนวรับ อิตาลี จนปั่นป่วน และสร้างโอกาสได้ดีจากการผ่านบอล

ล่าสุดมีการเปิดเผยสถิติออกมาว่าตอนนี้ไอ้หนู ลามีน ยามาล คือผู้เล่นที่มีสถิติเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จมากที่สุดในศึก ยูโร 2024 ที่ 7 ครั้ง ทำได้มากกว่า นิโก้ วิลเลี่ยมส์, จามาล มูเซียล่า และ เฌเรมี่ โดกู

[ สถานการณ์ล่าสุด ]

สเปน ไม่แพ้ให้ อิตาลี ติดต่อกัน 5 นัดหลังสุด (ถ้านับแค่ช่วง 90 นาที) และชนะได้ถึง 3 นัด ตอนนี้พวกเขาการันตีแล้วว่าได้ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูโร ในฐานะแชมป์กลุ่ม

ส่วน อิตาลี ถึงแม้จะแพ้ในวันนี้แต่ก็ยังปลอดภัยในระดับหนึ่งเพราะมี 3 คะแนน รั้งอันดับ 2 และต้องไปตัดสินนัดสุดท้ายกับทีมบ๊วย โครเอเชีย ในอีก 4 วันข้างหน้า เงื่อนไขก็คือต้องชนะห้ามแพ้ ถ้าเกิดเสมอก็ต้องลุ้นให้ แอลเบเนีย ไม่ชนะ สเปน ในนัดสุดท้าย

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline