คดีความเรื่องทำร้ายร่างกายและข่มขืนแฟนสาวที่เป็นปมใหญ่ในชีวิตของชายที่ชื่อ เมสัน กรีนวู้ด มันอาจจะจบไปนานแล้วก็จริง แต่ดูเหมือนชื่อเสียงของหมอนี่จะยังคงถูกมองเป็นพิษภัยสำหรับวงการฟุตบอลไม่ต่างจากเดิม
มันอาจจะไม่ใช่กับที่ สเปน แต่กับที่ ฝรั่งเศส เมสัน กรีนวู้ด ต้องเจอกับสภาพสังคมที่แอนตี้กีดกันอย่างหนักไม่ต่างจากสมัยอยู่ที่ อังกฤษ
อย่างที่ทราบกันว่า โอลิมปิก มาร์กเซย ได้จัดการคว้าตัว เมสัน กรีนวู้ด จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วยค่าตัว 19.8 ล้านปอนด์ ถ้าย้อนกลับไปสัก 2-3 ปีก่อน การที่สโมสรได้ตัวนักเตะแบบนี้ คนที่ได้ชื่อว่าหนึ่งในแข้งมากฝีมือและมากพรสวรรค์มันคงจะเป็นข่าวที่ดีเอามากๆ
"สิ่งที่ กรีนวู้ด ได้ทำลงไปนั้นมันเลวร้ายมากๆ จนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ผมช็อกมากๆ ตอนที่ได้เห็นภาพของภรรยาเขาหลังถูกทำร้ายร่างกาย การการกระทำแบบนี้ไม่ควรค่าแก่การเป็นผู้ชายด้วยซ้ำ และผมคิดว่าเขาไม่ควรมีที่ยืนในสโมสรแห่งนี้"
"เกียรติประวัติของเมือง มาร์กเซย และสโมสร โอลิมปิก มาร์กเซย ไม่ควรจะต้องมาป่นปี้กับอะไรแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการเหยียดเชื้อชาติ การเหยียดสีผิว คุณนึกออกไหมล่ะ ? คุณใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง แต่คุณอยากลงเล่นให้ มาร์กเซย เนี่ยนะ คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ"
นี่คือคำแถลงจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็น นายกเทศมนตรี ของเมืองมาร์กเซย อย่าง เบอนัวต์ ปาย็อง ที่แสดงจุดยืนชัดเจนว่ายังไงก็ไม่มีทางให้การสนับสนุนแต่ให้การต้อนรับอย่างแสนอบอุ่นกับ เมสัน กรีนวู้ด
เช่นเดียวกับแฟนบอลของสโมสรก็มีการจัดตั้งแคมเปญ #GreenwoodNotWelcome เมื่อช่วงเดือนกรกฏาคมซึ่งเป็นช่วงที่ข่าวระกว่าง มาร์กเซย กับ กรีนวู้ด เริ่มเป็นกระแสในโลกฟุตบอล
แต่ก็อย่างที่คนเขาพูดกัน "เมื่อเวลาผ่านไปหลายๆ สิ่งก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา" โลกและชีวิตของ เมสัน กรีนวู้ด ที่เริ่มต้นจาก "สีเทา" มันเริ่มค่อยๆ กลายเป็น "สีชมพู" ที่ดูสดใสมากขึ้นเรื่อยๆ
เกมเปิดสนาม ลีก เอิง ฝรั่งเศส ซีซั่น 2024-25 เมสัน กรีนวู้ด ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงและก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการซัดไป 2 ประตูช่วยให้ โอลิมปิก มาร์กเซย บุกไปถล่ม แบรสต์ 5-1
จริงๆ แล้วเกมนั้นพี่แกมีโอกาสทำแฮตทริกได้ด้วย แต่สุดท้ายก็เลือกปฏิเสธการยิงจุดโทษลูกสุดท้ายเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมอย่าง เอลเย่ วาฮี รับหน้าที่เพื่อสร้างความมั่นใจซึ่งนั่นทำให้เขาได้รับคำชื่นชมมากมายจากหมู่แฟนบอลและเพื่อนร่วมทีม ตลอดจนกุนซืออย่าง โรแบร์โต้ เด แซร์บี้
เมสัน กรีนวู้ด ที่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ เคตาเฟ่ เมื่อฤดูกาลที่แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ใน ฝรั่งเศส ด้วยการคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ตั้งแต่นัดแรก ส่วนเกมนัดที่ 2 ถึงแม้ "โอแอ็ม" จะชวด 3 คะแนน แต่ กรีนวู้ด ก็เป็นฮีโร่ที่มาซัดประตูตีเสมอช่วยให้ทีมต้นสังกัดไม่แพ้คาบ้านและจบเกมที่สกอร์ 2-2
ชื่อของ เมสัน กรีนวู้ด เริ่มได้รับค่านิยมและได้รับการสนับสนุนที่มากยิ่งขึ้นในหมู่แฟนบอลของ มาร์กเซย เท่านั้นยังไม่พอเพราะในเวลาต่อมาก็มีการเปิดเผยว่า เบอร์เสื้อ 10 ของ เมสัน กรีนวู้ด ก็ทำยอดขายได้มากที่สุดของสโมสร ณ ตอนนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตใน ฝรั่งเศส ของ เมสัน กรีนวู้ด นั้นถูกนำมาตีแผ่และสะท้อนเป็นพาดหัวใหญ่ตัวโตๆ บนหน้า 1 ของสื่อดังอย่าง "เลกิ๊ป" ที่เขียนเอาไว้ว่า 'OM-Greenwoood L'amour sans condition'
ถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทยก็คือ 'Marseille-Greenwood, unconditional love' หรือ "มาร์กเซย-กรีนวู้ด กับ ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข"
กุนซืออย่าง โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ก็คือหนึ่งในคนที่แสดงจุดยืนว่าพร้อมปกป้อง "เมสัน กรีนวู้ด" เหมือนกับลูกชายคนหนึ่ง มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่เคยผิดพลาดกันทั้งนั้นจากการกระทำต่างๆ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นการให้โอกาสแก้ตัวหรือพิสูจน์ตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ
HaMu Dos Santos