ใครมันจะไปเชื่อว่าสโมสรที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดเป็นเบอร์ต้นๆ ของโลกอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอยู่ภายใต้การบัญชาทัพโดยโค้ชยอดอัจฉริยะอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า วันนี้จะต้องมาแพ้แบบย่อยยับหมดสภาพเช่นนี้ หลังบุกไปโดน สปอร์ติ้ง ลิสบอน 1-4
แน่นอนว่าผลการแข่งขันในเกมดังกล่าวมันก็มีอยู่หลายเรื่องที่ชวนให้แฟนๆ ได้พูดถึงกันสนั่นหวั่นไหวในโลกโซเชี่ยล ส่วนจะมีอะไรกันบ้างนั้นไปติดตามพร้อมๆ กับเราทาง "ขอบสนาม" ได้เลยครับ
[ ความพ่ายแพ้ของ เป๊ป ]
จะเรียกว่าเป็นระดับปรากฏการณ์คล้ายๆ ดาวหางพุ่งมายังโลก หรือ แสงเหนือ อะไรๆ ทำนองนั้นก็ว่าได้ละมั้ง เพราะนานๆ ทีเราจะได้เห็นลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นฝ่ายโดนคู่แข่งยัดเยียดความปราชัยในชนิดที่โดนยิงถึง 4 ลูกแบบนี้ ทั้งๆ ที่ปกติพวกเขาจะเป็นฝ่ายกระซวกอยู่ฝ่ายเดียว แทบจะเอาชนะคู่แข่งได้แบบนิ่มๆ สบายๆ เหมือนกำลังได้ขับรถ ไฮลักซ์ รีโว่ พรีรันเนอร์ เพราะนี่คือรถที่ทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างผ่อนคลาย ช่วงล่างนิ่ง นั่งสบาย ในทุกสถานการณ์
มีสถิติเปิดเผยเอาไว้ว่าผลสกอร์ในค่ำคืนที่ผ่านมานั่นคือครั้งที่ 3 ที่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องเสียถึง 4 ประตูในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่พา บาเยิร์น มิวนิค แพ้ เรอัล มาดริด 0-4 ช่วง เมษายน ปี 2014 และ แมนฯ ซิตี้ แพ้ บาร์เซโลน่า 0-4 ในช่วง ตุลาคม ปี 2016
ถ้าเป็นรายการอื่นๆ เท่าที่จำได้ ตอนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาบัญชาทัพ "เรือใบสีฟ้า" ใหม่ๆ ในฤดูกาล 2016-17 มันมีเกมที่พวกเขาโดน เอฟเวอร์ตัน กดไป 4-0 และอีกครั้งก็ช่วงต้นซีซั่น 2020-21 ที่โดน เลสเตอร์ ซิตี้ โขยกคาบ้าน 5-2 และ เจมี่ วาร์ดี้ น่าจะเป็นผู้เล่นคนสุดท้ายที่ทำแฮตทริกใส่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ในช่วงที่ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กับ ลิเวอร์พูล ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็เคยมีปีที่แพ้ไป 4-3 และครั้งสุดท้ายเท่าที่จำได้ก็คือฤดูกาล 2022-23 ที่เสมอกับ เชลซี 4-4
การเจอกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในวันนี้อาจจะมีบางจุดที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ประมาทเกินไป โดยเฉพาะการส่ง จาห์ไม ซิมพ์สัน-พูซี่ย์ เซ็นเตอร์ดาวรุ่งวัย 19 ปีเดบิวต์ในเวทีใหญ่ๆ แบบนี้และต้องเจอกับทีมที่กำลังฟอร์มแรงสุดๆ ของยุโรปอย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน
เขาต้องดวลกับกองหน้าระดับยอดดาวยิงที่ฟอร์มโหดสุดๆ ณ ชั่วโมงนี้อย่าง วิคเตอร์ โยเคเรส ซึ่งเห็นได้ชัดว่าระดับชั้นนั้นห่างกันอยู่เยอะ ส่วน ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่ทำประตูสำคัญๆ ได้มากมายในช่วงหลัง วันนี้ก็แทบเสียผู้เสียคนในการรับมือกับนักเตะที่มีความเร็วและความคล่องตัวสูงอย่าง ตรินเกา
มาเตโอ โควาซิช ที่ถูกวางไว้เป็นตัวแทนของ โรดรี้ วันนี้เห็นได้ชัดเลยว่าการสกัดกั้นในแดนกลางหรือทำลายจังหวะของคู่แข่งนั้นมันกลายเป็นปัญหาสำหรับเขา คุมจังหวะของเกมไม่ได้ ช่วยเกมรับก็ไม่ค่อยจะดี
ส่วนตัวความหวังอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ วันนี้ก็เป็นเกมที่ 3 ติดต่อกันที่ไม่สามารถส่งบอลซุกก้นตาข่ายได้ ทั้งที่มีโอกาสและใกล้เคียงอยู่มากมาย พี่แกมีโอกาสพา แมนฯ ซิตี้ กลับเข้าสู่เกมได้ตอนโดนนำ 1-3 แต่ก็ดันซัดจุดโทษไปชนคานซะงั้น
นี่คือหนึ่งในอีกวันที่เลวร้ายสำหรับ แมนฯ ซิตี้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันพวกเขาตกรอบฟุตบอล คาราบาว คัพ เมื่อต้องแพ้ให้กับ สเปอร์ส, พวกเขาแพ้ครั้งแรกในชีวิตให้กับทีมอย่าง บอร์นมัธ พร้อมกับหยุดสถิติไร้พ่ายใน พรีเมียร์ลีก เอาไว้ที่ 32 นัดติดต่อกัน และในเกมนี้พวกเขาก็ต้องหยุดสถิติไร้พ่ายใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เอาไว้ที่ 26 นัดติดต่อกันด้วยน้ำมือของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน
[ อโมริม เจิมได้สวย ]
อย่างที่ทราบกันว่า รูเบน อโมริม กำลังจะเก็บข้าวของย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ได้งานใหม่ที่ท้าทายกว่าเดิมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจบช่วง ฟีฟ่า เดย์ ในรอบเดือนพฤศจิกายน แน่นอนว่าการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นก็ถือเป็นการชิมลางครั้งสำคัญเพราะทั้งคู่จะได้เจอกันอีกครั้งแน่นอนในฤดูกาลนี้บนสังเวียน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฐานะคู่ปรับร่วมเมือง
เรียกได้วานี่เป็นผลงานระดับ มาสเตอร์ พีซ หรือผลงานชิ้นโบว์แดงครั้งหนึ่งในชีวิตของ รูเบน อโมริม เลยก็เป็นได้กับการล้มโคตรทีมอย่าง "เรือใบสีฟ้า" ที่ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์ 1 ของ อังกฤษ ตอนนี้ คว้าแชมป์ลีกมาติดกันแล้วหลายปี มีนักเตะระดับแรงค์ S อยู่เต็มทีม แถมยังมีมูลค่ารวมเกินกว่า 1 พันล้านปอนด์
ขอไม่เจาะลึกแล้วกันว่า อโมริม ใช้แท็คติกอะไรในการล้มสุดยอดทีมแบบนี้ แต่มันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด แน่นอนว่าก่อนหน้านี้มันมีเสียงวิจารณ์อยู่ไม่น้อยว่า "ก่อน เทน ฮาก จะมา แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แบบนี้แหละ", "มันก็เก่งแค่ในลีกของตัวเองนั่นแหละ เดี๋ยวมา อังกฤษ จริงๆ ก็ดับ" หลายๆ ความเห็นว่ากันไว้ประมาณนี้ตอนมีการประกาศแต่งตั้งกุนซือใหม่ของ "ปีศาจแดง"
นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต เป็นสิ่งที่ต้องตั้งตารอคอยและติดตามกันต่อไปว่า "รูเบน อโมริม จะเป็นคนที่ใช่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไหม ? จะพิสูจน์ตัวเองและลบคำสบประมาทนี้ได้รึเปล่า ?"
อย่างไรก็ตามภาพที่เราได้เห็นตอนนี้ก็คือโค้ชวัย 39 ปีพา สปอร์ติ้ง ลิสบอน ไม่แพ้ใครเลยตลอด 15 นัดรวมทุกรายการ และเอาชนะได้ถึง 14 นัด ยิง 49 ประตู และเสียแค่ 5 ประตูเท่านั้น พร้อมกับครองจ่าฝูงในลีก โปรตุเกส แข่ง 10 นัดชนะทุกนัด และใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ ลีก สเตจ ตอนนี้พวกเขาคือทีมรองจ่าฝูง นับเป็นการปิดฉากการคุมทีมนัดสุดท้ายที่ เอสตาดิโอ โชเซ่ อัลวาเลด ได้อย่างสวยหรูจริงๆ ของชายที่ชื่อ รูเบน อโมริม
[ วิคเตอร์ โยเคเรส ]
เบื้องหลังของผลงานที่สุดยอดของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแน่นอนว่าคนที่เป็นกุญแจสำคัญนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ วิคเตอร์ โยเคเรส ดาวยิงจอมถล่มประตูฟอร์มแรงจาก ทีมชาติสวีเดน
ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้วผู้ชายคนนี้เล่นหวดไปกระจุยถึง 43 ประตูจากการลงเล่น 50 นัด และกดไปอีก 15 แอสซิสต์ จนทำให้เหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่จ้องกันตาเป็นมันเพื่อที่จะพรากตัวมาเสริมความแข็งแกร่งกับเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาที่ 100 ล้านยูโร หนึ่งในนั้นก็คือ เชลซี กับ อาร์เซน่อล
แต่ในขณะเดียวกันนั้นมันก็มีเสียงวิจารณ์ตามมาว่า "ไอ้หนุ่มคนนี้มันก็เก่งได้สักกี่ปี ? อาจจะฟลุ๊ค ดวงดีก็ได้ เหมือนคนกับอื่นๆ ที่ยิงกระจายในลีกตัวเอง พอย้ายมาอยู่ในลีกใหญ่ๆ ก็ไปไหนไม่รอด"
ล่าสุด วิคเตอร์ โยเคเรส คนนี้เพิ่งกดแฮตทริกใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และพา ลิสบอน จัดหนักไปถึง 4-1 นับเป็นประตูที่ 23 จากการลงเล่น 17 นัด และทำ 4 แอสซิสต์ในซีซั่นนี้ เรียกได้ว่าชั่วโมงนี้ไม่มีใครโหดเกินพี่แกอีกแล้ว เรื่องของชื่อชั้นและดีกรีแน่นอนว่าเป็นรองเมื่อเทียบกับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แต่วันนี้เขาคือคนที่โดดเด่นและคู่ควรแก่คำชื่นชมยิ่งกว่า
สถิติส่วนตัวของ โยเคเรส ในวันนี้ จับบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่ง 5 ครั้ง โอกาสยิง 5 ครั้ง ต้องกรอบทั้ง 5 ครั้ง และยิงได้ 3 ประตู มันมีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่สามารถยิงแฮตทริกใส่ แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ ซึ่งนี่คือคนที่ 3 ต่อจาก ลิโอเนล เมสซี่ ปี 2016 และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ปี 2021
และที่สำคัญเลยก็คือบนหน้าประวัติศาสตร์ของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน วิคเตอร์ โยเคเรส คือผู้เล่นคนแรกที่สามารถทำแฮตทริกได้บนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ นับตั้งแต่ อันโตนิโอ โอลิเวร่า เคยทำได้ในปี 1982
กระแสในโลกโซเชี่ยลต่างก็กำลังฮือฮากับฟอร์มของยอดดาวยิงชาวสวีเดนในตอนนี้และอยากเห็น โยเคเรส ย้ายมาค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบใจจะขาด . . .
HaMu Dos Santos