[ ฟูลทีมทั้งคู่ ]
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแฟนบอลทั้งสองทีมต่างลุ้นกันเยี่ยแทบเล็ดว่ากำลังผลสำคัญทีมจะพร้อมลงสนามเกมนี้ได้หรือไม่
ทางฝั่ง เชลซี ที่มีข่าวว่า โคล พาลเมอร์ มีอาการบาดเจ็บเข่าซ้ายในเกมที่พบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และไม่ได้ลงซ้อมกับทีม สุดท้ายเจ้าตัวก็มีชื่อสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริง
ทางด้านทีมเยือน อาร์เซน่อล ต้องลุ้นมิดฟิลด์คนสำคัญอย่าง เดแคลน ไรซ์ ที่ได้รับบาดเจ็บนิ้วเท้าหัก รวมถึง มาร์ติน โอเดการ์ด ว่าจะฟิตพร้อมสมบูรณ์หรือไม่ แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ได้ผ่านความฟิตลงสนามเป็นตัวจริง เรียกได้ว่ามาจัดหนักจัดเต็มด้วยกันทั้งสองทีม
[ จังหวะสวนกลับ เชลซี โคตรอันตราย ]
เริ่มเกมมา อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายครองเกมรุกเข้าใส่ แต่ก็ยังเล่นงานเกมรับทางฝั่งเจ้าบ้านไม่ได้มาก ในทางกลับกัน เชลซี เลือกโจมตีโดยใช้จังหวะโต้กลับเป็นหลัก
โดยมี โคล พาลเมอร์ เป็นจุดศูนย์กลางในแผงแนวรุก คอยแจกจ่ายซ้ายขวาให้กับปีกทั้งสองข้างอย่าง เปโดร เนโต้ และ โนนี่ มาดูเอเก้ ที่ขึ้นมาแต่ละครั้งสร้างความอันตรายให้กับแนวรับของ อาร์เซน่อล ได้ดีทีเดียว
แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าการเข้าทำในพื้นที่สุดท้ายของ เชลซี กลับทำได้ไม่ดีเลย จ่ายผิดจ่ายเสียอยู่บ่อยครั้ง โคล พาลเมอร์ ก็ดูสภาพยังไม่ฟิตสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ การจับบอลรวมไปถึงจังหวะทีเด็ดทีขาดของพี่แกยังดูไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางเท่าไหร่
[ โอเดการ์ด คัมแบ็ค ]
ส่วนทางฝั่ง อาร์เซน่อล ที่วันนี้ได้กัปตันทีมคนสำคัญอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด ลงสนามเป็น 11 ตัวจริงอีกครั้ง หลังได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าพักไปนานกว่า 2 เดือนเต็มๆ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ อาร์เซน่อล ฟอร์มดิ่งลงเหวในช่วงที่ผ่านมา
เกมวันนี้ โอเดการ์ด ตอกย้ำเป็นอย่างดีว่าตัวเขานั้นเป็นหัวใจในหน่วยล่าสังหารของ อาร์เซน่อล อย่างแท้จริง ทั้งการจ่ายบอล คิลเลอร์ พาส หรือการคอนโทรลเกมแดนกลาง แถมยังช่วยเพิ่มมิติเกมรุกของทีมให้ดูมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
การจ่ายบอลของ โอเดการ์ด ยังมีส่วนให้ทีมได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะยกข้ามแแผงแนวรับของ เชลซี ก่อนที่จะเป็น มาร์ติเนลลี่ ยิงยัดเสาแรกเข้าไป เรียกได้ว่าล้างสนามไปนานโผล่มาอีกทีก็ทำแอสซิสต์ได้เลย
[ อาร์เซน่อล รักษาผลการแข่งขันไม่ได้อีกครั้ง ]
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เชลซี ก็มาได้ประตูตีเสมอจากจังหวะมารับบอลตรงกลางของ เปโดร เนโต้ ก่อนที่จะซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสวยสดงดงาม
ซึ่งการเสียประตูช่วงเวลาสำคัญเป็นอีกครั้ง และอีกครั้งของ อาร์เซน่อล ที่ไม่รู้จักเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองได้สักที ชอบมาเสียสมาธิในช่วงเวลาแบบนี้ตลอด
อย่างเกมเจอ แมนฯ ซิตี้ ก็มาพลาดช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย เกมที่เจอ ลิเวอร์พูล ก็มาโดน โม ซาลาห์ ล่อเป้านาที 80 และในเกมนี้ก็มาเสียในรูปแบบเดิมๆจากความผิดพลาดของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ก็ต้องชื่นชม เปโดร เนโต้ ด้วยเช่นกันที่จบสกอร์จังหวะนี้ได้เฉียบคมดีเหลือเกิน และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทัพปืนใหญ่ เกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ ซาลิบา จ่ายเข้ากลางมาให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ เข้าชาจจ่อๆ แต่พี่แกดันแปบอลผิดเหลี่ยม พลาดโอกาสทองที่จะคว้า 3 แต้มกลับบ้านอย่างน่าเหลือเชื่อ
[ เส้นทางลุ้นแชมป์เริ่มเลือนราง ]
จากผลเสมอในเกมวันนี้ต้องบอกว่าเสียหายสำหรับทั้งสองทีม โดยเฉพาะทางฝั่ง อาร์เซน่อล พวกเขาไม่ชนะเกมลีกมาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียกโมเมนตั้มกลับคืนมาให้ได้ แต่พวกเขากลับทำไม่สำเร็จ
ซึ่งจากผลเสมอในเกมวันนี้ทำให้โอกาสลุ้นแชมป์ของ พลพรรคเดอะกันเนอร์ส เริ่มเลือนรางเข้าไปทุกที ตามหลังจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล ถึง 9 คะแนนด้วยกัน
จบสัปดาห์นี้จะเป็นการพักเบรคทีมชาติ ให้ได้พักหายใจหายคอ ก่อนเกม พรีเมียร์ลีก นัดถัดมาจะต้องเปิดบ้านรับการมาเยือนทีมม้ามืดอย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ หาก อาร์เซน่อล ไม่สามารถยัดเยียดความปราชัยให้กับทีม เจ้าป่า ได้ละก็ ประตูสู่การลุ้นแชมป์แทบจะปิดลงอย่างสมบูรณ์…