[ ข่าวดีก่อนเกม ]
ต้องบอกว่าก่อนเกมคู่นี้จะเริ่ม แมนฯ ซิตี้ ได้ข่าวดีหลังกุนซือสมองเพชรอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตัดสินใจต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไป
แม้ว่าฟอร์มการเล่นช่วงหลังจะย่ำแย่แพ้มา 4 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการ แต่เรื่องที่กุนซือของพวกเขาต่อสัญญาออกไปน่าจะเป็นขวัญกำลังใจชั้นดีที่ทำให้ ทัพเรือใบสีฟ้า กลับมาอยู่ในฟอร์มแบบที่ควรจะเป็นอีกครั้ง แม้ว่าขุมกำลังสำคัญในแผงมิดฟิลด์อย่าง โรดรี้ และ มัตเตโอ โควาซิส จะลงสนามไม่ได้ก็ตาม
ในทางกลับกันทางฝั่งทีมเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ต้องพบกับข่าวร้ายอย่างหนัก ที่ต้องเสียสองประการหลังคนสำคัญอย่าง คริสเตียน โรเมโร่ กับ มิคกี้ ฟานเดอ เฟ่น ไปจากอาการบาดเจ็บ แน่นอนว่าเกมรับจากเดิมที่มีรอยรั่วอยู่แล้ว เสียประตูมา 4 เกมติดต่อกัน และการเปลี่ยนคู่เซ็นเตอร์แบ็คกระทันหันแบบนี้ย่อมไม่เกิดผลดีกับพวกเขาแน่ๆ
[ เรือใบ เหมือนจะดี แต่ .... ]
พอผู้ตัดสินบ่วนลมใส่นกหวีดเป็นทางฝั่งเจ้าบ้าน แมนฯ ซิตี้ ที่เป็นฝ่ายโหมกระหน่ำบุกเข้าใส่อย่างไม่ยั้งหยุด จนเกือบที่จะพังประตูได้อยู่หลายครั้งหลายครา แต่ด้วยพลังงานบางอย่างทำให้พวกเขาไม่สามารถเบิกสกอร์แรกได้สักที
ซึ่งด้วยความที่เล่นในบ้าน และด้วยรูปเกมที่เหนือกว่าเช่นนี้ เชื่อเหลือเกินว่าแฟนบอล เรือใบสีฟ้า จะต้องมีเสี้ยวเล็กๆที่ผุดขึ้นมาในหัว 'ด้วยรูปเกมแบบนี้ มีโอกาสเยอะแบบนี้เดี๋ยวเราก็ยิงได้'
พอคิดแบบนั้นไม่ถึง 5 นาที สเปอร์ส ที่เริ่มตั้งหลักตั้งตัวได้ และมีโอกาสขึ้นเกมได้เป็นครั้งแรก ทีมเยือนกลับมาได้ประตูขึ้นนำก่อนซะอย่างนั้นจาก เจมส์ แมดดิสัน ก่อนที่อีก 7 นาทีต่อมาจะเป็น แมดดิสัน คนดีคนเดิมจะมาบวกประตูที่สองของตัวเอง ทิ้งห่างเป็น 2-0
เรียกได้ว่าเป็นการฉลองวันเกิดอายุครบ 28 ปี ของ เจมส์ แมดดิสัน ที่เหมือนฝันเลยก็ว่าได้ อีกทั้งเขาคือผู้เล่น สเปอร์ส คนแรกที่ทำประตูได้ในวันเกิดตัวเองต่อจาก คริสเตียน อีริคเซ่น เมื่อปี 2016 ซึ่งเกมนั้นก็เกิดขึ้นในวันที่เจอกับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยเช่นกัน
[ ครึ่งหลังไม่ดีขึ้น ]
เริ่มครึ่งหลัง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แก้เกมด้วยการส่ง นาธาน อาเก้ ลงมาแทน จอห์น สโตนส์ เพื่อขันเกมรับให้แน่นมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย
มิหนำซ้ำผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คทั้งสองข้างอย่าง ไคล์ วอล์คเกอร์ และ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ยังคงย่ำแย่เหมือนเดิมชนิดที่เรียกได้ว่ากู่ไม่กลับของจริง
ท้ายที่สุด สเปอร์ส ก็มาได้ประตูที่ 3 จากอดีตลูกหม้อของ แมนฯ ซิตี้ อย่าง เปโดร ปอร์โร่ ก่อนที่จะมาได้ประตูตอกฝาโลงในช่วงทดเวลานาที 90+3 จาก เบรนแน่น จอห์นสัน
จากความพ่ายแพ้เกมวันนี้ทำให้ แมนฯ ซิตี้ เสียสถิติไม่แพ้เกมเหย้าติดต่อกันทุกรายการ 52 นัด และเป็นพ่ายแพ้เกมที่ 5 ติดต่อกัน
และที่สำคัญนี่เป็นการตอกย้ำอย่างชัดเจนว่า มิดฟิลด์เจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ อย่าง โรดรี้ สำคัญกับพวกเขามากขนาดไหน โดยมีสถิติเผยว่า ทัพเรือใบสีฟ้า มีโอกาสปราชัยมากถึง 33 เปอร์เซ็นต์ หากขาด โรดรี้ และมีโอกาสแพ้เพียงแค่ 2.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยามมี สตาร์ทีมชาติสเปน ลงสนาม
[ ลุ้นแชมป์เหนื่อย ]
ไม่เพียงเท่านั้นหาก ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน คาถิ่นในค่ำคืนวันนี้ซึ่งก็ดูท่าจะไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ทัพหงส์แดง จะทิ้งห่างถึง 8 คะแนนเลยทีเดียว
และที่สำคัญเกมถัดไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะมีคิวทำศึกหนักด้วยการยกพลบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล ถึงถิ่น แอนฟิลด์ หาก ทัพเรือใบสีฟ้า บุกไปพังพาบต่