logo-heading

อย่างแรก การมาที่หลังทำให้ต้องแข่งกับคนอื่นที่มาก่อน อย่าลืมนะเชฟทีมของ โค้ชสก็อตต์ คูเปอร์ มีก่อนที่ เบน จะเข้ามา ท่าเรือ แล้ว ดังนั้นการที่ เบน เพิ่งย้ายเข้ามาในช่วงท้ายๆ ของตลาดนักเตะรอบนี้ ทำให้เขาต้องไปวัดกับคนอื่นๆ ที่มีค่าคะแนนอยู่ในสายตาของโค้ชอยู่แล้ว และจากวันนั้นผ่านมาจนถึงวันนี้เกือบๆ 2 เดือน ค่าคะแนนของ เบน อาจจะยังไม่เข้าตาโค้ช 

อย่างที่สอง ตำแหน่งการเล่นที่ไม่ง่ายกับการยึดตัวจริง จุดที่ดีที่สุดของ เบน คือมิดฟิลด์ตัวรุกหรือขยับไปสูงถึงหน้าต่ำ แต่ตำแหน่งนี้มีทั้ง เซร์คิโอ ซัวเรส กองกลางกึ่งกองหน้าเบอร์ 1 ของทีม และ เนเกบา อีกหนึ่งต่างชาติที่คอยขวางทางเข้าอยู่ ถ้าจะยึดตัวจริง เบน ต้องทำให้ดีกว่า 2 แข้งต่างชาตินี้ให้ได้ ซึ่ง ณ ตอนนี้เขายังทำไม่ได้ 

อย่างที่สาม  การปรับตัว แม้ว่า เบน จะเป็นลูกครึ่งไทย แต่อย่าลืมว่าเขาเองก็อาศัย, ใช้ชีวิต และ เล่นฟุตบอล อยู่ที่ต่างประเทศมาตลอด ดังนั้นการมาเล่นที่ไทยจึงเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา ซึ่งเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต และ ปรับวิธีการเล่นเพื่อให้เข้ากับฟุตบอลไทยให้ได้ ซึ่งตอนนี้ผ่านมาแล้ว 2 เดือน เขาอาจจะยังทำได้ไม่ดีพอ 

อย่างที่สี่ ตัวของ เบน เองสู้แค่ไหน อันนี้เราไม่สามารถรู้ได้เลย เพราะเราอยู่รอบนอก แต่เท่าที่มีข้อมูล เบน ย้ายมานี่เพื่อหาโอกาสลงเล่นให้มากกว่าเดิม แต่คำถามคือพอย้ายมาแล้วยังไม่ได้เล่น เขายังจะสู้อยู่มั้ย ?? อันนี้แหละที่สำคัญ ยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพกันชัดๆ ทำไมลูกครึ่งอย่าง วิลเลี่ยม ไวเดอร์เฌอ หายเจ็บกลับมาพร้อมกับได้รับโอกาสเล่นทันที เพราะคาแลคเตอร์เขาคือ แข้งใจสู้ และพร้อมทำทุกอย่างในสนามซ้อมเพื่อให้โค้ชเห็นว่าเขาพร้อมแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องให้ เบน ตอบเองว่าเขายังสู้อยู่หรือเปล่า ???

อย่างสุดท้าย ระบบของ สก็อตต์ คูเปอร์ อาจไม่ใช่ทางของ เบน   เอาตรงๆ ดูเหมือนเขาจะกลายเป็นตัวเลือกท้ายๆ ในตำแหน่งของเขาไปแล้ว แต่ถ้าจะให้ สก็อตต์ เปลี่ยนเพื่อ เบน คนเดียวก็คงจะไม่ได้ ดังนั้น เบน ต้องยกระดับตัวเองเพื่อให้เข้ากับระบบของ สก็อตต์ ให้ได้ จะทำได้หรือไม่ได้คำตอบอยู่ที่ สก็อตต์ แล้วล่ะว่าจะเห็นอะไรดีๆ ในตัวของ เบน เมื่อไหร่ ??? 

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline