logo-heading

ควันหลงหลังนั่งดู ทีมชาติไทย เล่นกับ ทีมชาติกัมพูชา ในศึก เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิอิเล็คทริค คัพ 2022 ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าหลายๆ คนน่าจะเซอร์ไพรส์กับฟอร์มลูกทีมของ เคซูเกะ ฮอนด้า ผจก.ทีมอดีตดาวเตะชื่อดังชาวญี่ปุ่นที่เรียกว่าเล่นกันได้ดีมากๆ และไม่มีคำว่ากลัวทีมชาติไทยอีกต่อไป แม้สุดท้ายจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่เป็นการแพ้ที่ได้รับคำชมเยอะมาก 

วันนี้เราจะมาเก็บตกกันหน่อยว่าเห็นอะไรบ้างกับฟอร์มที่ดีครึ่งเดียวของทัพ ช้างศึก เมื่อวานนี้ 

- มาโน่ จัดชุดใหญ่ (อีกครั้ง) 
ถึงแม้คู่ต่อสู้จะเป็น กัมพูชา แต่ด้วยสถานการณ์และความจำเป็นที่ ไทย ต้องชนะและยิงให้เยอะเพื่อเป้าหมายคือการเป็นแชมป์กลุ่ม ดังนั้นเราจึงได่เห็น มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยจัดทัพใหญ่พร้อมระบบเดิม 4-4-2 ที่เราใช้มาตลอดเป็นชุดหลักในเกมเมื่อวานนี้ ซึ่งก็ถือไม่ผิดคาดที่เราจะนำมาโดย ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น, กฤษดา กาแมน, ธีรศิลป์ แดงดา 

 

- 45 นาทีแรก กัมพูชา โคตรดี 
มาถึงเรื่องเซอร์ไพรส์ดีกว่า นั่นคือฟอร์มของ กัมพูชา ในครึ่งแรกที่มาแบบจัดจ้านมากๆ ทั้งสปีดความเร็วของนักบอล, ทั้งจังหวะการโต้กลับที่เกือบเล่นงานไทยได้แล้ว อีกทั้งการแก้เพลสซิ่งในแดนตัวเองที่ไม่มีกลัวทีมชาติไทย กล้าเล่น กล้าจ่าย กล้าบิ้วอัพเกมแม้โดนไทยกดดน ซึ่งข้อดีคงต้องยกเครดิตให้ เคซูเกะ ฮอนดะ และทีมงานที่ค่อยๆ เกาให้ กัมพูชา ชุดนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ

- เล่นไม่ดี แต่จบครึ่งแรกไทยนำ 1-0 
เอาตรงๆ ในระหว่างที่นั่งดูเกมอยู่ในสนามไม่มีแว่บไหนเลยที่คิดว่า ไทย จะทำประตู กัมพูชา ได้ครึ่งแรก เพราะภาพรวมเป็นลูกทีมของฮอนดะดีกว่าจริงๆ แต่สุดท้ายการบุกชุดนึงที่ช่วยให้เราได้ลูกจุดโทษ และเป็น ธีรศิลป์ แดงดา ยิงเข้าไปทำให้ไทยขึ้นนำแบบไม่น่าเชื่อ และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ ไทย เรากุมความได้เปรียบและเล่นได้ง่ายขึ้นสำหรับเกมในครึ่งหลัง

 

- นานๆ ทีจะเห็น "มาโน่" แก้เกมเร็ว 
ผลการฟอร์มดิ่งเหวในครึ่งแรก ทำให้เราได้เห็น มาโน่ โพลกิ้ง เลือกขยับผู้เล่นถึง 3 คน เอา ศศลักษณ์ ไหประโคน ออก พร้อมขยับให้ โก๋อุ้ม ลงมาประจำการแบ็กซ้ายอีกครั้ง ส่วนตำแหน่งของ ธีราทร ถูกแทนที่ด้วย พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และตัวรุกอีก 2 คนถอด เอกนิษฐ์ ปัญญา ออกและให้ ชาญณรงค์ มาลากเลื้อยริมเส้น พร้อมกับให้ สุมัญญา ปุริสาย ลงมาปั้นเกมอยู่หลังกองหน้าที่จัดการถอด อดิศักดิ์ ไกรษร ออก อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนระบบจาก 4-4-2 มาเล่น 4-5-1 อีกครั้ง ซึ่งเห็นผลทันทีเพราะลูก 2 ที่หนีห่างเป็น 2-0 มาจากการยิงของ สุมัญญา ปุริสาย นั่นเอง

 

- มุ้ยยังไงก็คือ "มุ้ย" 

ข้อสุดท้ายนี้จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย เพราะผลงานอันยอดเยี่ยมของ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ยิงคนเดียว 2 ประตูในเกมเมื่อวานนี้ ตอกย้ำการ (ยัง) เป็นกองหน้าเบอร์ 1 ทีมชาติไทย ในวัย 34 ปีได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญทุกประตูของ มุ้ย คือตำนานที่จะเพิ่มสถิติการเป็นดาวยิงสูงสุดของอาเซียน คัพ ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งเกมเมื่อวานนี้เราได้เห็นถึงความสำคัญของ มุ้ย ในการยืนหน้าคนเดียวว่าต้องเล่นยังไงและเล่นแบบไหนถึงจะมีประโยชน์ และยังได้เห็นความเก๋าของ มุ้ย ที่ใช้สกิลยิงประตูปิดท้ายลูกที่ 3 ให้กับ ทีมชาติไทย เอาชนะ กัมพูชา ไป 3-1 

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline