logo-heading

หลังจากที่ทัพช้างศึก ทีมชาติไทย ผงาดป้องกันแชมป์อาเซียน คัพ ได้อีกสมัย ซึ่งบุคคลที่จะไม่ชื่นชมและไม่พูดถึงเลยไม่ได้ก็คือ "มาโน่ โพลกิ้ง" เฮดโค้ชชาวเยอรมัน-บราซิล ที่ถือเป็นโค้ชทีมชาติไทยคนที่ 3 ที่พาทีมป้องกันแชมป์อาเซียน คัพ ได้สำเร็จ

ตลอดการคุมทีมกว่า 2 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง จากการทำทีมของมาโน่ ซึ่งบางครั้งก็สร้างความประหลาดใจและไม่มีใครคาดคิด บางทีมันก็เวิร์ค บางทีก็ไม่เวิร์ค บางครั้งได้รับคำชื่นชม บางครั้งก้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชี่ยล 

และต่อไปเราจะมาว่ากันถึงจุดเด่นและสิ่งที่มาโน่ ทำกับทีมชาติไทย ที่หลายคนคาดไม่ถึง แต่สุดท้ายแล้วมันเวิร์ค มีอะไรบ้าง

1.การใช้กองกลางมายืนเซ็นเตอร์

ย้อนกลับไปในศึกซูซูกิ คัพ 2020 เมื่อปีก่อน ทีมชาติไทยในยุคของ มาโน่ โพลกิ้ง จะใช้ กฤษดา กาแมน มายืนเป็นเซ็นเตอร์ตัวหลัก โอเคละว่า กฤษดา เป็นนักเตะที่เล่นได้ทั้งกองหลังและกองกลางตัวรับ แต่ตำแหน่งที่ทำได้ดีตอนเล่นให้ชลบุรี คือกองกลาง แต่มาโน่ ก็จับมาเล่นหลัง หลายคนก็เห็นด้วยไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายไทยก็เป็นแชมป์

หรืออีกครั้งในซีเกมส์ 2021 ที่จับเอา วีระเทพ ป้อมพันธุ์ มาเล่นเซ็นเตอร์ คล้ายๆ กับกฤษดา คนก็ด่ากันยับ โอเคแม้ไทยจะได้แค่รองแชมป์ซีเกมส์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า มาโน่ กล้าที่จะใช้ วีระเทพ กับตำแหน่งใหม่

มาในอาเซียน คัพ ครั้งนี้ รอบรองฯ และรอบชิง เราได้เห็นทั้ง กฤษดา และ วีระเทพ มาเล่นเซ็นเตอร์ในระบบหลัง 3 ทั้งคู่ กลับกลายเป็นว่าเกมรับเราก็ใช้ได้ แถมทั้งคู่ยังสามารถดันขึ้นไปเล่นเกมรุกได้ด้วย นี่คือจุดเด่นที่ มาโน่ กล้าที่จะเสี่ยงใช้นักเตะเล่นแบบนี้ ทั้งๆ ที่มีอาเซ็นเตอร์อาชีพในทีมให้ใช้งาน

2.การจับ ธีราทร มาเล่นกลาง

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่หลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ มาโน่ แต่ถ้าใครเป็นแฟนบอลไทยลีก โดยเฉพาะแฟนบอลบุรีรัมย์ คงไม่แปลกใจในเรื่องนี้ เพราะในฤดูกาลนี้ โก๋อุ้ม เล่นกลางให้บุรีรัมย์ แทบทุกนัด แถมเล่นได้ดีด้วย จนกลายเป็นกองกลางที่เล่นแบ็กซ้ายได้ไปแล้ว และสุดท้ายเราก็เห็นแล้วว่าเมื่อ ธีราทร มาเล่นตรงกลาง มันเวิร์คขนาดไหน

3.การใช้นักเตะเท่าที่มี

ถ้าย้อนกลับไปในซูซูกิ คัพ 2020 ทีมชาติไทยของเราถือว่าได้นักเตะชุดที่ดีที่สุดในเวลานั้นไปแข่งขัน เรามีทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, ศุภชัย ใจเด็ด, ฟิลิป โรลเลอร์, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, สุภโชค สารชาติ และอีกหลายๆ คน เรียกได้ว่าฟูลทีม ซึ่งได้แชมป์ก็ไม่แปลก

แต่มาในครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าทีมชาติไทยของเราไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูมือหนึ่ง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ก็ไม่ได้มา, แบ็กขวาอย่าง นฤบดินทร์, ฟิลิป โรลเลอร์ ก็ไม่มี เจ ชนาธิป, ธนวัฒน์, ศุภชัย, สุภโชค ไม่ได้มาเล่น แต่ มาโน่ ไม่เคยบ่นเรื่องนี้ และก็ใช้นักเตะเท่าที่มีได้อย่างลงตัว แต่ก็ยังโชคดีที่เรายังมี อุ้ม, ตั้ง, มุ้ย และ กฤษดา กาแมน ที่ถือว่าเป็นหัวใจของทีมในอาเซียน คัพ ครั้งนี้

4.ระบบการเล่นหลากหลาย

มาโน่ เป็นโค้ชที่ไม่ได้มีระบบการเล่นตายตัว เขาจะปรับไปตามความเหมาะสมของคู่แข่งที่เจอ หรือศักยภาพนักเตะที่มี ถ้าทีมเราสมบูรณ์พร้อมอาจจะเล่น 4-2-3-1 เหมือนปีก่อน มาในครั้งนี้ระบบที่ดีที่สุดก็คือ 4-4-2 และมาในรอบรองและรอบชิง เราได้เห็น 3-5-2 ซึ่งเห็นได้ชัดว่า มาโน่ สามารถปรับวิธีการเล่นได้ตามสถานการณ์ที่ต้องเจอ นี่คือคุณสมบัติที่โค้ชที่ดีควรจะมี ไม่ใช่ใช้ระบบเดิมๆ ตลอดเวลา

ทั้งหมดทั้งมวลที่เขียนมาก็ไม่ได้จะอวย มาโน่ อะไรขนาดนั้น เพียงแต่ว่าเมื่อเขาทำดี ประสบความสำเร็จเราก็ต้องชม แต่โอเคนี่เป็นเพียงบทพิสูจน์ในระดับอาเซียน ซึ่ง มาโน่ สอบผ่านไม่มีข้อสงสัย

แต่ของจริงอยู่ที่เอเชี่ยน คัพ รอบสุดท้าย ที่จะไปเตะกันต้นปีหน้า ผมเองก็อยากเห็น มาโน่ ได้โชว์ฝีมือในระดับเอเชีย ว่าจะพาทีมชาติไทย ไปได้ไกลแค่ไหน

แต่ประเด็นก็คือสัญญาของ มาโน่ จะหมดลงในช่วงกันยายนปีนี้ ซึ่งถ้าดูจากผลงานเขาสมควรที่จะได้คุมทีมต่อ ถ้าเจ้าตัวต้องการ และก็ค่อยมาดูกันว่าเมื่อไปในระดับเอเชียแล้ว มาโน่ จะสอบผ่านในฐานะกุนซือทีมชาติไทยหรือไม่

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline