logo-heading

ประเด็นเรื่องกล้องวงจรปิดที่สนาม ช้าง อารีน่า ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังถือว่าไม่จบไปซะทีเดียว แม้ ปราสาทสายฟ้า จะออกมายอมรับผิดแล้ว พร้อมกับยืนยันจะถอดกล้องออกจากห้องแต่งตัวทีมเยือนอย่างแน่นอน 

แต่ทางด้าน "มาดามฮาย" ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช ปธ.สโมสร ลีโอ เชียงราย ยูไนเต็ด ผู้เคยมีประสบการณ์กับกล้องวงจรปิดตัวนี้ เมื่อครั้งมาใช้สนาม ช้าง อารีน่า เล่นฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้จะมีการบอกกล่าวกันแล้วเรื่องการห้ามบักทึกภาพของกล้อง แต่สุดท้ายเจ้าตัวจะสืบทราบที่หลังว่ายังโดนบันทึกภาพเอาไว้ ทำให้เมื่อมีเรื่องกล้องวงจรปิดตัวนี้

"มาดามฮาย" เลยไม่อยู่เฉยขอโพสต์ระบายเรื่องการปกป้องสิทธิส่วนตัวบ้าง ในพื้นที่โซเชียลของตัวเองดังนี้ 

Big Brother is watching you?

ตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 ช่วงระหว่างการแข่งขัน ACL ที่จังหวัดบุรีรัมย์

สโมสรเชียงรายฯ สังเกตเห็น ว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ในห้องแต่งตัว

จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า ทางสโมสรเชียงรายฯ ไม่ยินยอมให้มีการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องแต่งตัว ขอให้ดำเนินการถอดออกไป

เจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่า ได้ติดไว้เฉยๆ ไม่มีการบันทึกภาพแต่อย่างใด

แต่จากการตรวจสอบพบว่า มีการบันทึกในช่วงวันและเวลาแข่งขันจริง

โดยให้เหตุผลว่า ป้องกันทรัพย์สินมีค่าสูญหาย เช่น นาฬิกา

ทางสโมสรเชียงรายฯ จึงต้องแก้ไขด้วยการเอากระดาษมาปิดหน้ากล้องวงจรปิดเอง

หลังจากนั้น กล้องวงจรปิดก็ยังคงติดอยู่ที่เดิม จนกระทั่งล่าสุดที่กลับไปแข่งขันไทยลีกฤดูกาล 2022/23

คำถามสำคัญที่สุด คงไม่ใช่

สโมสรบุรีรัมย์ฯ เอาเปรียบสโมสรอื่นหรือไม่

แต่คงต้องเป็นคำถามที่ว่า นี่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของสโมสรอื่นหรือไม่

เพราะมิเช่นนั้น คำตอบที่ได้จะมีเพียง

สโมสรบุรีรัมย์ฯ เก่งกว่า ทุนหนากว่า ไม่จำเป็นต้องแอบดูกล้อง ใครก็สู้ไม่ได้

อันที่จริง จุดเริ่มต้นข้อแรกที่ต้องอธิบาย

ไม่ใช่ประเด็นของการที่สโมสรบุรีรัมย์ฯ จะได้ใช้ภาพหรือข้อมูลของสโมสรอื่น หรือไม่

แต่สโมสรบุรีรัมย์ฯ ได้มีการขออนุญาตหรือขอความยินยอมจากทั้งสโมสรในไทยลีกและสโมสรต่างประเทศก่อนการบันทึก หรือไม่

เพราะในห้องแต่งตัวนักกีฬา ย่อมต้องมีการเปลี่ยนเสื้อผ้า และการวางแผนต่างๆ ที่แต่ละสโมสรก็คงไม่ต้องการเปิดเผย

น่าจะไม่มีใครอยากถูกบันทึกภาพโดยที่เราเองไม่ยินยอม

ฮายขอยืนยันกับทุกท่านว่า ไม่ใช่ว่า เมื่อเราคิดว่าตัวเองมีน้อยกว่า หรือคิดว่าตัวเราระดับต่ำกว่า จะต้องยอมให้ใครทำอะไรก็ได้ หรือจะไม่สามารถสู้เพื่อรักษาสิทธิเสรีภาพของตัวเองได้

วันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องออกมาปกป้องสิทธิของทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ว่าอย่างน้อยศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ควรต้องมีเท่ากัน ไม่ว่ายากดีมีจนก็ควรต้องได้รับการเคารพ

และคำถามสุดท้ายก่อนนอนคืนนี้คือ

สิทธิเสรีภาพบนผืนแผ่นดินไทยมีค่าน้อยกว่านาฬิกาข้อมืออีกหรือคะ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline