"บีจี ปทุม" ต้องรีบเปลี่ยน DNA หากคิดกลับมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์อีกครั้ง

นี่ไม่ใช่!! "บีจี ปทุม ยูไนเต็ด" ที่ผมรู้จักในฤดูกาลที่แล้ว ที่พวกเขาเป็นรองแชมป์ไทยลีก 

นี่ไม่ใช่!! "บีจี ปทุม ยูไนเต็ด" ที่ผมรู้จักเมื่อก่อนเปิดฤดูกาล ที่ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งในการท้าชิงแชมป์กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้

นี่ไม่ใช่!! "บีจี ปทุม ยูไนเต็ด" ที่ผมรู้จักที่อุดมไปด้วยตัวทีมชาติ และนักเตะต่างชาติชื่อดังมากมาย

นี่ไม่ใช่!! "บีจี ปทุม ยูไนเต็ด" ที่ผมรู้จักในช่วงต้นเลกแรก ที่เล่นด้วยความดุดัน ใครมาเจอก็ต้องกลัว

แต่ตอนนี้พวกเขากลายเป็นทีมอยู่กลางตาราง ไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์ ตัวนักเตะแตกต่างจากเลกแรกสิ้นเชิง รวมทั้งฟอรืมการเล่น ความดุดันที่หายไป

ก่อนเปิดฤดูกาลมีคนถามว่าทีมไหนจะเป็นทีมที่ดีพอในการเบียดแย่งแชมป์กับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า ซึ่งทุกเสียงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "บีจี ปทุม ยูไนเต็ด" ของ มาโกโตะ เทกุระโมริ

ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในการพาบีจี จบด้วยการเป็นรองแชมป์ไทยลีก 2021/22 โดยแต้มน้อยกว่าแชมป์อย่างบุรีรัมย์ แค่ 2 คะแนน เท่านั้น

ก่อนเปิดฤดูกาล 2022/23 บีจี ปทุมฯ เสริมทัพได้น่าสนใจ พวกเขาได้นักเตะอย่าง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ลิดอร์ โคเฮน, เจสซี เคอร์แรน, เปาโล คอนราโด, กาซิโอ ไซด์ และอีกหลายคน

บวกกับนักเตะที่มีอยู่ในทีมอย่าง อันเดรส ตูเนซ, อิรฟานฟานดี้, สารัช อยู่เย็น, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์, ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต, อิคซาน ฟานดี้ และ ธีรศิลป์ แดงดา 

ดูจากรายชื่อเหล่านี้ใครเห็นก็ว่าแชมป์ หรือไม่ก็สู้กับบุรีรัมย์ ได้อย่างสนุกและเบียดกันไปยันโค้งสุดท้ายของฤดูกาลแน่นอน เผลอๆ ตัวดูดีกว่าบุรีรัมย์ ด้วยซ้ำ เพราะมีขุมกำลังที่ใหญ่และยาวกว่า

แต่หลังจากพวกเขาตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลเอเอฟซี ชปล. ที่ต้องยกพลไปเตะกันที่ญี่ปุ่น พอกลับมาเล่นไทยลีกช่วงเปิดฤดูกาล ฟอร์มกลับไม่ไฉไลเหมือนตอนปรีซีซั่น ประเดิมด้วยการแพ้ชลบุรี 1-0 ต่อด้วยเสมอกับบุรีรัมย์ 2-2

ก่อนจะค่อยๆ กลับมาเก็บชัยชนะคู่แข่งได้มีทั้งเกมที่ชนะการท่าเรือ, ชนะเมืองทอง, ชนะโปลิศ เทโร แต่ก็มีหลายเกมที่ทำได้แค่เสมอ และหลุดแพ้บ้าง พูดง่ายๆ คือฟอร์มไม่นิ่งนั่นเอง

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบีจี นั่นเข้าฤดูกาลช้ากว่าทีมอื่น เพราะต้องไปเตะ ACL รอบน็อคเอาท์ที่ญี่ปุ่น 2 นัด พอกลับมาทีมอื่นเขาก็เตะไทยลีกกันไปแล้ว 3 นัด ตัวเองต้องมาเตะตามหลัง โอเคละว่ามันก็ลงเตะเท่ากันแม้จะเตะช้ากว่า

แต่การที่เราทำอะไรตามหลังคนอื่นมันมันดูเหนื่อยและยากกว่าเดิม หากสมมติว่าเตะพร้อมๆ กัน มันก็จะดูง่ายกว่านี้ เพราะแต้มมันยังห่างไปเยอะ ลองคิดดูว่าบีจี ลงเตะเกมแรก โดยมี 0 แต้ม ขณะที่ทีมนำลงเตะเกมที่ 4 แล้ว มีแต้มมากกว่าถึง 9 แต้ม และยิ่งเกมตกค้างนัดแรกไปแพ้อีก มันก็เลยเหนื่อยเป็นสองเท่า

เล่นไปเล่นมาฟอร์มไม่เข้าที่เข้าทางสักที จนนำมาซึ่งจุดเปลี่ยนของฤดูกาลนั่นก็คือการปลดโค้ชเทกุ และเรียกตัว แมทธิว สมิธ อดีตปราการหลังกัปตันทีมของเดอะแรบบิท ผู้มี DNA กระต่ายแก้ว เต็มเปี่ยม มาคุมทีมแทนก่อนจะจบเลกแรก

นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ของบีจี ในการปลดโค้ชกลางฤดูกาลแบบงงๆ เพราะที่ผ่านมาก็เป็นสิ่งที่บีจี ทำมาตลอด มีโค้ชเพียงคนเดียวที่ผ่านพ้นวงโคจรนี้ได้ นั่นคือ "เดอะโอ่ง" ดุสิต เฉลิมแสน นอกนั้นไม่เคยมีโค้ชบีจี คนไหนได้คุมทีมจนจบฤดูกาลเลย

การมาของ แมตต์ สมิธ ก็ถูกตั้งคำถามมากมาย แต่ก็ต้องรอให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งผมขี้เกียจสาธยายให้มันยืดยาว เอาเป็นว่าถึงตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่า "ไม่ผ่าน"

แต่ส่วนนึงก็ต้องเห็นใจกัปตันสมิธ ด้วยเช่นกันว่าขุมกำลังในเลกสอง มันคนละเรื่องกับเลกแรก ตัวเจ็บก็เยอะ นักเตะใหม่ที่เข้ามาทั้งตัวไทยและต่างชาติ ก็สู้กับชุดเก่าเมื่อตอนเปิดฤดูกาลไม่ได้

แต่ถึงกระนั้นฟอร์มการเล่นของ "เดอะบลูแมชชีน" มันก็ต้องดูดีกว่านี้ ไม่ใช่เล่นกันสะเปะสะปะ ไม่มีทรง เกมรุกไม่น่ากลัว ไม่มีความหลากหลาย ไม่ต้องคิดถึงจะสู้กับบุรีรัมย์ หรอกครับชั่วโมงนี้ เจอใครก็เหนื่อยบอกเลย

ทีมอย่างบีจี ปทุมฯ ต้องมีกุนซือที่มีชื่อชั้นมากกว่านี้ ที่ไม่ใช่ แมตต์ สมิธ 

แม้จะบอกว่าฤดูกาลนี้ไม่เน้นแล้ว ค่อยไปเริ่มกันใหม่ในฤดูกาลหน้า

แต่จะปล่อยให้ผลงานของทีมเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ให้แฟนบอลเข้ามาในสนามแล้วดูทีมตัวเองเล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมว่ามันไม่ดีแน่นอน

จริงๆ ยังมีเวลา เลกสองยังเหลืออีกเป็น 10 เกม หากลองเปลี่ยนอีกสักครั้ง ซึ่งจริงๆ ตอนนี้น่าเปลี่ยนกว่าตอนเลกแรกอีก ผมว่าทีมบีจี ยังมีโอกาสกลับมาได้ 

และหากได้โค้ชที่ใช่มา ก็จะได้มีเวลาสร้างทีมใหม่ตั้งแต่ตอนนี้เลย เพื่อว่าฤดูกาลหน้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาเริ่มนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่ต้นฤดูกาล 

หรือหากเปลี่ยนแล้วไม่ดี อย่างน้อยฤดูกาลหน้าก็ได้เริ่มต้นใหม่อยู่ดี

แต่ที่แน่ๆ หากไม่เปลี่ยนตอนนี้ และปล่อยไป มันไม่ดีขึ้นแน่ๆ 

หากจะมีทีมไหนที่มีศักยภาพพอจะสู้กับบุรีรัมย์ ในฤดูกาลหน้า ก็ยังยืนยันว่าคือ "บีจี ปทุม ยูไนเต็ด" แต่ต้องไม่ใช่บีจี ปทุมฯ ที่เป็นอยู่ตอนนี้