logo-heading
  • การท่าเรือ เอฟซี ประกาศแต่งตั้ง "โค้ชโชค" โชคทวี พรหมรัตน์ กลับมาทำหน้าที่ในถิ่นแพท สเตเดี้ยมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว มี "โค้ชอั๋น" สุรพงษ์ คงเทพ มาเป็นกุนซือคู่คิดด้วย
  • ในขณะที่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ก็ประกาศแต่งตั้ง "โค้ชโจ" ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น กลับมาคุมทีมอีกครั้งในถิ่น 80 พรรษา อีกครั้ง เช่นกัน โดยมีผู้ช่วยที่ชื่อเล่นเหมือนกันอย่าง "โจบาซ่า" ทวีศักดิ์ โมราศิลป์ มาร่วมกันกู้วิกฤตของทีมในครั้งนี้

ทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันเดียวกัน ก็คือเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ของการท่าเรือ นั้นลงเตะไทยลีกไปเมื่อวันศุกร์ ซึ่งทำได้แค่ไล่ตามตีเสมอโปลิศ เทโร 2-2 ขณะที่โคราชนั้น เพิ่งจะลงเตะแล้วพ่ายคาบ้านต่อบียู ไป 0-4 เมื่อวานนี้

การกลับมาของกุนซือทั้งสองคน โดยเน้นไปที่ "โค้ชโชค" กับ "โค้ชโจ" เป็นหลัก เพราะทั้งคู่ถือเป็นการกลับมาถิ่นเก่า ทันทีที่มีข่าวออกมา ของการท่าเรือ ในช่วงเย็นๆ ส่วนของโคราชมาช่วงค่ำๆ 

กระแสโซเชี่ยลต่างไปในทิศทางเดียวกันก็คือประมาณว่า "เป็นกุนซือเก้าอี้ดนตรี" วนกันไปวนกันมา หาใครไม่ได้ก็มาใช้คนเก่า บลาๆ ซึ่งจริงๆ ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคนที่จะคิดหรือวิพากษ์วิจารณ์กันไป

แต่ส่วนตัวผมมองว่าทั้งสองทีมนั้นแก้ปัญหาถูกจุด แล้วคนที่มานั้นคือคนที่ใช่ในชั่วโมงนี้ (ในความคิดของผม)

การกลับมาของ "โค้ชโชค" และ "โค้ชโจ" กับอนาคตของสิงห์เจ้า และ สวาทแคท

สำหรับการท่าเรือ จริงๆ เกิดคำถามในหัวผมและเชื่อว่าจะเกิดกับแฟนๆ สิงห์เจ้าท่า น่าจะทุกคน "ว่าเมื่อไหร่ทีมจะมีเฮดโค้ชคนใหม่" เพราะตั้งแต่ที่แยกทางกับ สก็อตต์ คูเปอร์ ไปตั้งแต่ยังไม่จบเลกแรก ก็ให้ แมตต์ ฮอลแลนด์ รักษาการ ซึ่งผลงานก็ไม่ดีก่อนจบเลก มีเวลาเป็นเดือนๆ ในช่วงอาเซียน คัพ ก็นึกว่าท่าเรือจะได้โค้ชใหม่

โอเคละว่า "มาดามแป้ง" เองที่ถือเป็นคนมีอำนาจตัดสินใจสูงสุดก็คงจะยุ่งกับทีมชาติในตอนนั้น และอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ จนมีข่าวลือว่า หรือจะรอจบทีมชาติแล้วให้ มาโน่ มาคุมท่าเรือ???

แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะให้ แมตต์ ฮอลแลนด์ ทำทีมไปก่อนในช่วง 3 นัดแรกของเลก 2 ซึ่งผลงานก็คือ ชนะ 1 เสมอ 2 แม้จะไม่แพ้ แต่รูปแบบและวิธีการเล่นมันไม่เวิร์ค ยิ่งถ้าดูจากรายชื่อนักเตะที่มีในทีม การท่าเรือควรจะได้ 9 แต้มเต็ม หรือไม่ก็ต้องมี 7-6 แต้ม 

การแต่งตั้งโค้ชโชค กลับมาถามว่าเซอร์ไพรส์ไหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้น และการใช้โค้ชคู่ที่มี สุรพงษ์ คงเทพ หรือ "โค้ชอั๋น" มาช่วยด้วยอีกคน อันนี้น่าจะเป็นการลองของใหม่ เพราะโค้ชอั๋นยังไม่เคยทำงานร่วมกับการท่าเรือ และมาดามแป้งมาก่อน

แต่ถ้าพูดถึงแนวทางการแต่งตั้งโค้ชแบบนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ถ้าจำได้ตอนที่โค้ชโชค มารับงานคุมทีมการท่าเรือครั้งแรกเมื่อปี 2019 ก็มาพร้อมกับ "โค้ชอู๊ด" สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ที่มีโปรไลเซนส์ เพียงแต่ว่าการออกหน้าก็จะเป็นโค้ชโชคซะส่วนใหญ่

ครั้งนี้ก็เช่นกัน "โค้ชอั๋น" เป็นกุนซือดีกรีโปรไลเซนส์ และมีฝีมือพอสมควร ก็จะมาเป็นเพื่อนคู่คิดกับโค้ชโชค แต่ในครั้งนี้ตามข่าวที่ออกมาคือทั้งคู่จะเป็นเฮดโค้ชร่วมกันก็ต้องรอดูว่าจะเวิร์คไม่เวิร์ค

แต่ถ้าเราดูจากผลงานของโค้ชโชค ที่คุมการท่เรือ เมื่อฤดูกาล 2019 พาทีมจบที่ 3 ในศึกไทยลีก และคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้สิทธิ์ไปเตะ ACL 2020 ซึ่งถือเป็นผลงานและการทำทีมท่าเรือที่ดูดีที่สุดในบรรดาโค้ชท่าเรือที่ผ่านๆ มา ในยุคของมาดามแป้ง และจริงๆ ตอนที่ถูกปลดไปทีมก็ผลงานดีอยู่ 4 นัดแรกในลีกไม่แพ้ใคร และกำลังดูดีมีอนาคต

ดังนั้นจึงเชื่อว่าถ้าเกิด "โค้ชโชค" ทำผลงานได้ดี ตลอดรอดฝั่ง และไม่มีปัญหาเหมือนคราวก่อนอีก รับรองพาการท่าเรือ กลับมาเฉิดฉายได้แน่นอน ยิ่งกับขุมกำลังที่มีอยู่ตอนนี้ ดีกว่าตอนที่โค้ชโชคคุมด้วยซ้ำ

การกลับมาของ "โค้ชโชค" และ "โค้ชโจ" กับอนาคตของสิงห์เจ้า และ สวาทแคท

ขณะที่ทางฝั่งโค้ชโจ กับ นครราชสีมา นี่ถือเป็นสิ่งแฟนบอลสวาทแคทต่างรอคอย!!

สิ่งที่น่าตกใจก็คือ ถ้าใครได้ดูเกมไทยลีกที่นครราชสีมา พบกับ บียู เมื่อวานนี้ ก็คือจำนวนแฟนบอลที่น้อยจนน่าเกลียด ทั้งๆ ที่โคราชถือเป็นทีมที่มีแฟนบอลเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของไทยลีก แต่ตอนนี้กลับมีแฟนบอลน้อยจนน่าใจหาย

แม้ว่าตอนที่โค้ชโจ จะเดินออกไปจากนครราชสีมา ด้วยผลงานและฟอร์มการเล่นที่ไม่ดีในตอนนั้น แต่แฟนบอลสวาทแคทเองก็ยังหนุนหลัง และชื่นชอบสไตล์การทำทีมของโค้ชโจ ถึงขั้นที่บอกว่า "โค้ชโจไป กูไปด้วย"

ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ ก็ถือเป็นงานที่ท้าทายอีกครั้งของ "โค้ชโจ" เพราะนักเตะในทีมสวาทแคทชุดนี้ ก็แทบจะไม่หลงเหลือนักเตะเก่าที่เคยใช้งานอยู่เลย มีเพียงไม่กี่คน ดังนั้นจึงต้องมี "โค้ชโจบาซ่า" ที่เป็นสตาฟฟ์โค้ชเดิมของทีมคอยเป็นมือขวาอยู่ข้างๆ

ก็ต้องรอดูว่าโค้ชโจ จะปลุกสวาทแคทตัวนี้กลับมาผงาดได้อีกครั้งหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ นัดหน้าในบ้าน แฟนบอลสวามแคท เยอะขึ้นแน่นอน!! 
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline