logo-heading

"กว่างโซ้งมหาภัย" ลีโอ เชียงราย ยูไนต็ด ที่ครั้งนึงเคยถูกขนานนามว่าเป็น "เจ้าบุญทุ่มแห่งไทยลีก" ซึ่งในอดีตทีมกว่างโซ้ง เคยเป็นทีมเงินถุงเงินถัง ซื้อนักเตะซูเปอร์สตาร์มาร่วมทีมมากมาย รวมทั้งเคยมีโค้ชที่ชื่อ อเล็กซานเดร กาม่า 

ณ ตอนนั้นถือเป็นทีมที่สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นทีมยักษ์ใหญ่ของวงการ และกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัว ซึ่งพวกเขาก็ทำได้จริงๆ ได้มาหมดไม่ว่าจะเป็นแชมป์ไทยลีก, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ

ณ ปัจจุบันนี้ ทีมเชียงราย ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย มีทั้งความสำเร็จสุขสมหวัง มีทั้งความผิดหวัง วิกฤตสโมสร เสียผู้เล่นตัวหลักไปหลายคน เปลี่ยนโค้ชมานับไม่ถ้วน แต่สิ่งนึงที่ถือว่าทีมเชียงรายไม่เปลี่ยนไปเลย ก็คือมาตรฐานของทีม ซึ่งวัดได้จากผลงานของพวกเขาในทุกๆ ฤดูกาล ที่ยังคงอยู่ในกลุ่มทีมหัวตารางของศึกไทยลีกได้เสมอ

มาตรฐานเชียงราย เสียตัวหลักกี่คน เปลี่ยนโค้ชกี่ครั้ง มาตรฐานยังเหมือนเดิม

ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2016 ทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ที่ยังคุมทัพโดย "โค้ชโจ" ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ซึ่งตอนนั้นทำผลงานได้ดีในศึกไทยลีก เลกแรก จากนั้นเลกสองพวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการคว้าตัว 2 นักเตะทีมชาติไทยอย่าง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ถือเป็นสถิติไทยลีก และ บดินทร์ ผาลา จากบางกอกกล๊าส เอฟซี มาร่วมทัพ ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบิ๊กโปรเจกต์ทีมกว่างโซ้ง แม้ว่าเมื่อจบฤดูกาลพวกเขาจะอยู่กลางตารางอันดับที่ 8 

ช่วงปลายปี 2016 ซึ่งเป็นช่วงปรีซีซั่นสำหรับฤดูกาลใหม่ของฟุตบอลไทยลีก 2017 ทีมเชียงราย ยูไนเต็ด ได้นายทุนระดับมหาเศรษฐีเข้ามาเป็นกระเป๋าตังค์ของสโมสร บวกกับได้ "สิงห์" เข้ามาเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่อีกหน่วย ทำให้กว่างโซ้งกลายเป็นทีมเงินถุงเงินถังขึ้นมา และถูกจับตามองมากๆ ในเวลานั้น

มาตรฐานเชียงราย เสียตัวหลักกี่คน เปลี่ยนโค้ชกี่ครั้ง มาตรฐานยังเหมือนเดิม

งบประมาณในการทำทีมปีนั้นอยู่ที่ 300 ล้านบาท โดยโปรเจกต์แรก พวกเขาประกาศคว้าตัว อเล็กซานเดร กาม่า ที่เป็นอดีตกุนซือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่กวาดมาทุกแชมป์ในเมืองไทย เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ ต่อด้วยการคว้า 7 นักเตะระดับดาวดังทีมชาติ+ดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการอย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่ถือเป็นสถิติค่าตัวแพงที่สุดในไทยลีกเวลานั้น สุริยา สิงห์มุ้ย, ฉัตรชัย บุตรพรม, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, ปฐมพล เจิญรัตนาภิรมย์ และ ชินภัทร์ ลีเอาะ เข้ามาสู่ทีม

โดย "บิ๊กฮั่น" มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรในเวลานั้น ประกาศชัดเจนว่า "สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด" จะขอเป็นแชมป์ไทยลีกในอีก 5 ปีข้างหน้า

มาตรฐานเชียงราย เสียตัวหลักกี่คน เปลี่ยนโค้ชกี่ครั้ง มาตรฐานยังเหมือนเดิม

และเพียงปีแรกของทีมสิงห์ เชียงราย ยุคใหม่ และการคุมทัพของของเจ้าพ่อบอลถ้วยอย่าง "กาม่า" ทีมกว่างโซ้งก็คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จ ขณะที่บอลถ้วยอีกรายการอย่างลีก คัพ ก็ได้เข้าชิง แต่ได้แค่รองแชมป์ ส่วนในไทยลีก ก็ทำได้ดีจบด้วยอันดับที่ 4 ของตาราง และจากการได้แชมป์เอฟเอ คัพ ก็ทำให้พวกเขาได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลเอซีแอล รอบคัดเลือก ในฤดูกาล 2018

มาตรฐานเชียงราย เสียตัวหลักกี่คน เปลี่ยนโค้ชกี่ครั้ง มาตรฐานยังเหมือนเดิม

ต่อมาในฤดูกาล 2018 กุนซือของพวกเขายังเป็น อเล็กซานเดร กาม่า ซึ่งทีมเชียงรายก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในปีนั้นพวกเขาคว้าดับเบิ้ลแชป์บอลถ้วยได้อย่างยิ่งใกญ่ สามารถป้องกันแชมป์เอฟเอ คัพ ไว้ได้อีกสมัย บวกกับลีก คัพ อีกหนึ่งรายการ ขณะที่ไทยลีกก็จบอันดับที่ 5 ของตาราง

มาตรฐานเชียงราย เสียตัวหลักกี่คน เปลี่ยนโค้ชกี่ครั้ง มาตรฐานยังเหมือนเดิม

ถัดมาในฤดูกาล 2019 ทีมเชียงราย แยกทางกับ กาม่า และได้ โจเซ่ อัลเวส บอร์จีส กุนซือชาวบราซิลเข้ามาคุมทีมแทน แต่ไม่ทันจะเปิดฤดูกาล 2019 ก็มีอันต้องแยกทางกับ บอร์จีส ไป และให้ ไอน์ตัน ซิลวา ซึ่งเป็นผู้ช่วยคุมขัดตาทัพไปก่อนช่วงต้นฤดูกาล แต่ทำไปทำมาผลงานของทีมเชียงราย กลับทำได้ดีเกินคาด ได้ลุ้นแชมป์ จนท้ายที่สุดแซงหน้าบุรีรัมย์ คว้าแชมป์ไปได้แบบหวุดหวิดจนถึงนัดสุดท้าย 

ซึ่งพวกเขาใช้เวลา 3 ปีเท่านั้น จากวันที่ประกาศว่าจะคว้าแชมป์ไทยลีกให้ได้ภายใน 5 ปี นับตั้งแต่ฤดูกาล 2017 ซึ่งปีนั้นถือเป็นปีที่เชียงรายทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และกลายเป็นบิ๊กทีมของไทยลีกขึ้นมาทันที

ถัดมาฤดูกาล 2020/21 เชียงราย เปลี่ยนโค้ชอีกครั้ง โดยคราวนี้เปลี่ยนแนวมาเป็นเอเชียบ้าง โดยได้ มาซามิ ทากิ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นเข้ามาทำทีม และในฤดูกาลนั้นพวกเขาก็ได้ไปลุยฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มได้เป็นครั้งแรก จะตกรอบแรก แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีกับเวทีระดับเอเชียครั้งแรกของสโมสร

ในฤดูกาลไทยลีกมีการเปลี่ยปฏิทินมาเตะแบบข้ามปี ซึ่งแต่เดิมเชียงรายเซ็นสัญญากับ มาซามิ ทากิ แค่ถึงเดือนตุลาคม 2020 แต่ไม่มีการต่อสัญญาใหม่ ทำให้เชียงรายต้องหากุนซือมาคุมทีมต่อในครึ่งฤดูกาลหลังที่มาเตะกันปี 2021 และก็เป็น เอเมอร์สัน เปไรร่า ที่เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ ซึ่งจบฤดูกาล เอเมอร์สัน พาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 3 ของสโมสร และจบที่ 3 ของไทยลีก

ถัดมาฤดูกาล 2021/22 ยังคงเป็นเอเมอร์สัน ที่คุมทัพ ซึ่งในฤดูกาลนี้แม้จะไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือ แต่ผลงานในลีกก็ยังโอเค จบอันดับที่ 5 ของตาราง

มาตรฐานเชียงราย เสียตัวหลักกี่คน เปลี่ยนโค้ชกี่ครั้ง มาตรฐานยังเหมือนเดิม

และมาในฤดูกาลปัจจุบัน 2022/23 ช่วงเลกแรกยังคงเป็น เอเมอร์สัน ที่คุมทัพ และพอเลกสองก็เปลี่ยนเป็น กาเบรียล มากัลเญส ที่ผันตัวเองจากผู้ช่วยมาเป็นเฮดโค้ช ซึ่งก็ยังคงทำผลงานได้ดีในศึกไทยลีก โดยรั้งอันดับ 4 ของตาราง ขณะที่ในบอลถ้วยก็ยังมีลุ้นแชมป์เอฟเอ คัพ อีกรายการ

จะเห็นว่าตั้งแต่ 2017 ที่ผ่านมา ทีมเชียงราย มีการเปลี่ยนแปลงทีมมากมาย โดยเฉพาะโค้ชเปลี่ยนมาแล้วหลายคน อีกทั้งที่ผ่านมาก็เสียผู้เล่นตัวหลักไปหลายต่อหลายคนเช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เชียงรายไม่เปลี่ยนไป ก็คือผลงานในสนาม ยังคงเป็นทีมชั้นนำของไทยลีก และมาตรฐานยังสูงเหมือนเดิม 

แม้จะไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์เหมือนสัมยที่พวกเขาเป็นเจ้าบุญทุ่ม แต่ผลงานยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม 

ไม่ว่านักเตะตัวหลักจะย้ายไปไหน โค้ชคนใหม่จะเป็นใครเข้ามา แต่คนสำคัญที่อยู่ข้างสนาม และมีส่วนที่ทำให้เชียงราย ยังคงแข็งแกร่งเหมือนทุกวันนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ คนคนนั้นคือ "บิ๊กฮั่น" มิตติ ติยะไพรัช 

ถ้าถามว่าทำไมผลงานของเชียงรายถึงไม่ดร็อปลงเลย ใครก็เอากว่างโซ้งไม่ลง คำตอบน่าจะอยู่ที่ "โค้ชฮั่น" นี่แหละครับพี่น้อง ที่อยู่ทุกช่วงเวลาของสโมสร ไม่ว่าใครจะไปจะมา แต่เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังของเชียงราย ยูไนเต็ด เสมอ!!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline