logo-heading

ว่าแล้วในฐานะคนที่อยู่ในสนามมีอะไรเกิดขึ้นและน่าสนใจบ้างกับเกมดราม่าๆ นี้ไปลองดูกันหน่อย ... 

อย่างแรก ... การท่าเรือ ชะล่าใจ เพราะการขึ้นนำ 2-0 ต้ังแต่ในครึ่งเวลาแรกย่อมทำให้พวกเขามั่นใจว่าเกมเมื่อวานนี้ดีพอที่จะเผด็จศึก เมืองทองฯ ได้ รวมไปถึงรูปเกมที่ดีกว่าเยอะมากๆ ในครึ่งเวลาแรกยิ่งตอกย้ำความเหนือกว่าของพวกเขา ทำให้น่าจะเกิดความชะล่าใจในครึ่งเวลาหลัง และหนึ่งในจุดใหญ่ที่ขนาด โค้ชอั๋น ยังยอมรับว่าทีมมีปัญหา คือการโดนเจาะทางฝั่งซ้ายที่ประจำการโดย เควิน ดีรมรัมย์ ที่ความฟิตยังไม่ถึง แต่จำเป็นต้องเล่นให้นานที่สุด เพราะตำแหน่งนี้มีปัญหาเรื่องผู้เล่นที่ขาดแคลน ซึ่ง 2-3 ประตูที่ เจ้าท่า โดนก็มาจากการเจาะทางฝั่งนั้นทั้งหมดนี่เอง ... 

อย่างที่สอง ... การเปลี่ยนตัวของ โค้ชมาริโอ ในครึ่งหลัง ทั้งการเลือกส่ง เอกนิษฐ์ ปัญญา ลงมาทันที รวมไปถึง ปรเมศย์ อาจวิไล อีกคนที่ส่งลงมาแล้วส่งผลกับทีมโดยตรง ทั้งการเล่นที่ดูไหลลื่นมากกว่าเดิม ทั้งตัวบนที่มีจำนวนคนเล่นเกมรุกมากขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้ว ปรเมศย์ เป็นทั้งคนเรียกจุดโทษให้ทีมตีเสมอ 2-2 และลูกประตูชัย 3-2 ที่ยิงโดยเจ้าฟร็องค์เองด้วย เท่ากับว่าการเปลี่ยนตัวและการแก้เกมของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ได้ผลและช่วยให้ กิเลน กลับมาผยองได้อีกครั้ง ... 

 

อย่างสุดท้าย ... หัวใจนักสู้ขุนพลกิเลนผยอง เอาตรงๆ เกมในครึ่งแรก โค้ชมาริโอ ยังยอมรับหลังเกมเลยว่าอยากเปลี่ยนตัวทั้ง 10 ตำแหน่งเลย เพราะเล่นกันอย่างย่ำแย่มากๆ แต่ครึ่งหลังใครจะเชื่อกลับลงสนามแล้วเป็นเหมือนคนละทีมกับครึ่งแรกอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการวิ่งเข้าหา ทั้งการเพรสซิ่งกดดัน และที่สำคัญใจโคตรสู้ สู้จนสุดท้ายค่อยๆ ไล่มาจาก 2-0 เป็น 2-2 และปิดจ็อบด้วย 3-2 ในช่วงท้ายเกม เรียกว่าได้ว่าเกมนี้ใหญ่กว่าฝีมือก็คือหัวจิตหัวใจของนักเตะเมืองทองฯ นี่แหละ 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline