logo-heading

ฟุตบอลไทยลีก 2022/23 เดินทางมาถึงช่วง 7 เกมสุดท้ายของฤดูกาล ก่อนที่ทุกอย่างจะได้บทสรุปในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งหนึ่งสิ่งที่ต้องลุ้นและติดตามกันจนจบฤดูกาลนอกจากการลุ้นแชมป์และหนีตกชั้นแล้ว นั่นก็คือเรื่องโคว้า ACL 20232/24 ที่ในฤดูกาลนี้มันมีความพิเศษที่ไม่เหมือนฤดูกาลก่อนๆ ที่ผ่านมา

สำหรับโคว้า ACL 2023/24 สโมสรไทยยังคงได้ 4 ทีมในซีซั่นนี้ ซึ่งแต่เดิมคือ 2 ทีมได้เล่นรอบแบ่งกลุ่มอัตโนมัติ (แชมป์ไทยลีก+แชมป์เอฟเอ คัพ) และอีก 2 ทีม ได้เล่นรอบเพลย์ออฟ (อันดับ 2-3 ไทยลีก)

แต่เนื่องจากในฤดูกาลใหม่นี้ ฟุตบอล ACL มีการปรับปฏิทินการแข่งขันมาเตะแบบข้ามปีเป็นครั้งแรก ทำให้แต่ละชาติก็ต้องปรับโควต้ากันใหม่เพราะมันจะไปคร่อมกับฟุตบอลในประเทศ 2 ฤดูกาล

อย่างไทยลีกของเรา โควต้า ACL 2023/24 มันจะคร่อมไทยลีกของฤดูกาล 2021/22 และ 2022/23 ก็คือฤดูกาลนี้ 

ดังนั้นทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และไทยลีก จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการแบ่งโควต้าเป็น 2 ทีม ในฤดูกาลที่แล้ว และ 2 ทีมในฤดูกาลนี้ ซึ่งก็จะเป็นแชมป์ไทยลีก+แชมป์เอฟเอ คัพ ของทั้งสองฤดูกาลที่ได้ไป โดยแชมป์ไทยลีก 2 ทีมจะไปเตะรอบแบ่งกลุ่ม และแชมป์เอฟเอ คัพ จะไปเตะเพลย์ออฟ

สำหรับโควต้า 2 ทีมของฤดูกาล 2021/22 ก็คือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก ที่ไปเล่นรอบแบ่งกลุ่ม ขณะที่แชมป์เอฟเอ คัพ ก็เป็นบุรีรัมย์ เช่นกัน ทำให้สิทธิ์ตกไปที่อันดับ 2 หรือรองแชมป์ไทยลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว นั่นก็คือ บีจี ปทุมฯ ที่จะได้ไปเตะเพลย์ออฟแทนโควต้าแชมป์เอฟเอ คัพ

คราวนี้มาว่ากันที่ฤดูกาล 2022/23 ซึ่งตอนนี้ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดว่าแชมป์ไทยลีกก็จะเป็นทีมเดิมคือ "บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด" ดังนั้นสิทธิ์ของทีมแชมป์ไทยลีกก็จะตกมาที่อันดับ 2 ที่ตอนนี้คือ "ทรู แบงค็อกฯ" ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่าพลาดเพราะนำอันดับ 3 อย่างชลบุรี ถึง 12 คะแนน ถ้าเป็นตามนี้ บียู ก็จะได้ไปเตะรอบแบ่งกลุ่มในโควต้าของแชมป์ไทยลีก

มีลุ้นถึง 7 ทีม!! อันดับ 3 ไทยลีก+แชมป์ เอฟเอ คัพ ที่มีผลกับโควต้า ACL 2023/24

ส่วนโควต้าสุดท้ายนั่นคือแชมป์เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล ที่จะได้ไปเตะเพลย์ออฟ ตอนนี้ได้ 4 ทีมสุดท้าย ที่ยังมีลุ้นแชมป์ นั่นคือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก, การท่าเรือ เอฟซี และ โปลิศ เทโร

ถ้าทีมอย่างการท่าเรือ เอฟซี หรือ โปลิศ เทโร ได้แชมป์เอฟเอ คัพ ก็จะได้เพลย์ออฟ ACL ในฤดูกาลใหม่นี้ ซึ่งจะเริ่มเตะรอบเพลย์ออฟในเดือนสิงหาคม 2566 พร้อมๆ กับไทยลีก ฤดูกาลใหม่

แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถป้องกันแชมป์เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลนี้ได้อีก สิทธิ์ก็จะกลับมาที่อันดับในไทยลีก โดยทีมที่จะได้อานิสงส์ไปก็คืออันดับ 3 ไทยลีก ฤดูกาลนี้ เพราะบียู อันดับ 2 ได้ไปโควต้าของแชมป์ไทยลีกแล้ว (กรณีบุรีรัมย์เป็นแชมป์ไทยลีก)

ซึ่งตอนนี้ทีมที่มีลุ้นอันดับ 3 มีหลายทีมทั้ง ชลบุรี เอฟซี, การท่าเรือ เอฟซี, เมืองทอง ยูไนเต็ด, ราชบุรี เอฟซี และ ลีโอ เชียงราย

และถ้าสิทธิ์มันตกมาถึงอันดับ 3 จริงๆ ทีมที่ได้ไปก็จะได้ไปเล่นเพลย์ออฟในโควต้าของแชมป์เอฟเอ คัพ

ส่วนอีกกรณีที่เกิดขึ้นได้อีก นั่นก็คือ ทรู แบงค็อก ไปคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ด้วย ซึ่งบียู จะได้ไปแทนที่บุรีรัมย์ แชมป์ไทยลีก อยู่แล้ว ดังนั้นสิทธิ์ก็จะมาตกที่อันดับ 3 อยู่ดี มีกรณีเดียวที่อันดับ 3 จะไม่ได้ไปเตะ ACL ก็คือ การท่าเรือ หรือโปลิศ เทโร ได้แชมป์เอฟเอ คัพ

และสมมติว่าท้ายที่สุดแล้ว หากเป็น ทรู แบงค็อก กับ เมืองทอง ที่สมมติว่าได้ไปในฐานะอันดับ 3 ในลีก ก็จะเป็นอะไรที่แฮปปี้เอนดิ้ง วินๆ ทุกฝ่ายและอาจจะแก้ปัญหาที่มีก่อนหน้านี้ได้ กรณีที่ทีมบียู กับ เมืองทอง ไปฟ้องสมาคมฯ ที่ตัวเองตัดถูกตัดสิทธิ์จากซีซั่นที่แล้ว เพราะจบอันดับที่ 3-4 ในลีก ซึ่งควรจะได้ไปเตะในโควต้าเดิม ซึ่งตอนนี้ก็ฟ้องร้องกันอยู่ยุ่งเหยิงเลยทีเดียว

แต่ถ้าจบแบบนี้ ทั้งบียู กับ เมืองทอง ก็จะได้ไปเตะ ACL ตามที่ตัวเองต้องการ แถมบียู อาจจะได้ไปเตะรอบแบ่งกลุ่มเลยด้วยซ้ำ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะไปมองข้ามทีมอื่นที่เขาก็มีลุ้นเช่นกันอย่าง ชลบุรี, การท่าเรือ, ราชบุรี และเชียงราย ไม่ได้ หากเขาจบที่ 3 ได้ พวกเขาก็จะได้ไปเตะถ้วยเอเชียเช่นกัน

เอาเป็นว่าสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับผลงานว่าทีมไหนจะทำได้ดีที่สุด และเหมาะสมกับโควต้า ACL สองที่สุดท้ายในฤดูกาลนี้ หากเมืองทอง ไม่ได้ไป ก็คงต้องเป็นเรื่องที่กิเลนผยอง คงต้องไปสู้คดีกันต่อไปในชั้นศาล!!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline