logo-heading

เรียกว่าผลงานของพลพรรค "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ตั้งแต่ช่วงเลกแรก มาถึงเลกที่สอง พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างแท้จริง จากที่เคยขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอยู่กลุ่มทีมลุ้นแชมป์ลีก ฟอร์มหล่นลงมาลุ้นท็อป 3 และล่าสุดตกมาอยู่อันดับที่ 6 ของตาราง

ด้วยผลงานฟอร์มการเล่นที่ดูตกลงไป แน่นอนว่าเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมายจากแฟนบอล “บลูชาร์ค” บนโซเชี่ยลมีเดียถึง "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ กุนซือใหญ่ ทั้งผลงานในสนามรวมถึงคาแร็คเตอร์ไม่เหมาะสมที่ปฏิเสธการจับมือกับ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

และขณะนี้แฟนบอลเกิดแบ่งออกเป็น 2 มุมมองคือ “ให้โอกาสทำต่อจนจบฤดูกาล” กับ "ควรรับผิดชอบกับผลงานพอแล้วแค่นี้"

ก่อนอื่นต้องย้อนไปช่วงต้นฤดูกาล "โค้ชเตี้ย" ประกาศกร้าวขอปลุก "ฉลามชล" ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ลุ้นหัวตารางไทยลีก หรือแม้แต่แชมป์บอลถ้วยสักหนึ่งรายการเต็มตัว ซึ่งโปรเจคนี้ก็ได้รับแรงสนับสนุนจากบอร์ดบริหารเต็มที่ ให้อิสระในการทำทีม เสริมทัพเลือกผู้เล่นไทย-ต่างชาติประสบการณ์สูงในลีก ควบคู่กับดันเยาวชนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่อันเป็นปรัชญาหลักของสโมสร

ช่วงต้นฤดูกาลออกสตาร์ทได้สวยหรู ขุมกำลังนักเตะเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เคยขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงมาแล้วเคยโชว์ฟอร์มหรูบุกไปอัด เมืองทอง ยูไนเต็ด ถึง ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ขาดลอย 5-1 และเคยเก็บชัยชนะได้ถึง 6 เกมติดต่อกัน

หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเมื่อ วรวุฒิ สุขุนา ผู้รักษาประตูดาวรุ่ง ประสบอุบัติเหตุเมาแล้วขับชนคนเสียชีวิต และทำให้สโมสรต้องยกเลิกสัญญาไป ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลต่อขวัญกำลังใจภายในทีมอย่างเห็นได้ชัด

ทีมงานสตาฟฟ์กำชับลูกทีมให้ลืมกับเหตุการณ์นี้ไป แต่ทว่าผลงานของทีมเริ่มตกลงไป โดย 8 เกมหลังสุด ชลบุรี เอฟซี เก็บชัยชนะได้ 2 เสมอ 2 แพ้ 4 รวมทุกรายการ โดยตกรอบบอลถ้วยทั้งสองรายการอย่าง ช้าง เอฟเอ คัพ และ รีโว่ คัพ ที่สโมสรหมายมั่นว่าจะต้องคว้าแชมป์ ด้วยน้ำมือของ นครปฐม ยูไนเต็ด ทีมจากศึก M150 แชมเปี้ยนชิพ (ไทยลีก 2) ภายในระยะเวลา 1 เดือน

คุณคิดว่า "โค้ชเตี้ย" กับ "ฉลามชล" ให้โอกาสต่อ หรือ พอแค่นี้ ??

ในช่วงเลกสองทีมพยายามเดินหน้าเสริมนักเตะเข้ามาในจุดที่ยังบกพร่อง แต่ผลงานก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นมา หลังจากแข่งมาแล้วทั้งหมด 10 เกม สามารถเก็บชัยชนะได้แค่ 2 เกม ที่เหลือเสมอ 1 แพ้ถึง 7

อย่างที่ทราบปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลงานคืออาการบาดเจ็บของนักเตะหลัก และนักเตะสำรองไม่สามารถทดแทนได้ ยิ่งผลการแข่งขันไม่ดีต่อเนื่องก็ยิ่งส่งผลต่อความมั่นใจ

ผลงานแนวรุกต่างชาติก็เป็นอีกข้อรองลงมาที่ประสิทธิภาพดูตกลงไป ดานิโล่ อัลเวส จากที่เคยยิงได้ระเบิดระเบ้อลุ้นคั่วตำแหน่งดาวซัลโว ยิงได้เพียงแค่ 3 ประตูเท่านั้นในเลกที่สอง เช่นเดียวกับ ยู บยอง ซู ที่ช่วงหลังประสบปัญหาฟอร์มตกยิงใครไม่ได้เลย และนักเตะที่เสริมเข้ามาในโควต้าอาเซียนอย่าง ดิเอโก้ บาร์ดันก้า กับ เจสซี่ เคอร์แรน ในสายตาของแฟนบอลถือว่ายังไม่ผ่าน และตอบโจทย์เท่าที่ควร ในรายหลังคาดว่าอาจยังไม่สมบูรณ์

อย่างไรก็ตามด้วยผลงานที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง ทางบอร์ดบริหารสโมสรยืนยันว่าจะยังไม่รีบร้อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ยังคงไว้วางใจให้ "โค้ชเตี้ย" คุมทัพต่อไป และมั่นใจว่าจะสามารถพาทีมกลับมาได้อีกครั้ง

หรืออีกมุมหนึ่งสโมสรน่าจะยังไม่พบคนที่เหมาะสมในการเข้ามาคุมทีมในช่วงเวลานี้ หากมองถึงคนที่คุ้นเคยและเป็นลูกหม้อของทีม ณ ตอนนี้ต่างมีหน้าที่กันหมดแล้ว อาทิเช่น "มาสเซอร์เด็จ" จเด็จ มีลาภ กำลังคุมทัพ คัสตอม ยูไนเต็ด ในไทยลีก 2 และมีลุ้นโควต้าเพลย์ออฟขึ้นไทยลีก

รวมถึง "โค้ชโบ้" จักรพันธ์ ปั่นปี ผู้ซึ่งคลุกคลีกับสโมสรมานาน รับงานเป็นประธานเทคนิคของสโมสร อุทัยธานี เอฟซี ปัจจุบัน หรือแม้แต่ เทิดศักดิ์ ใจมั่น ที่ติดภารกิจคุม พัทยา ดอลฟินส์ ในศึกไทยลีก 3 รอบแชมเปี้ยนส์ลีก และ พิภพ อ่อนโม้ ติดภารกิจเตรียมทีมชาติไทยลงทำศึก U17 ชิงแชมป์เอเชีย ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ

หลายคนอาจมองว่า "โค้ชเตี้ย" ทำมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าสุดยอดประสบความสำเร็จแล้ว จากที่ผ่านมาสถานการณ์พัวพ้นอยู่กับโซนกลางตารางหรือท้ายตาราง อีกกระแสหนึ่งมองว่าล้มเหลวเนื่องจากไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้า บวกกับเม็ดเงินที่ลงทุนมากขึ้นในฤดูกาลนี้

คุณคิดว่า "โค้ชเตี้ย" กับ "ฉลามชล" ให้โอกาสต่อ หรือ พอแค่นี้ ??

สุดท้ายนี้สำหรับผมเองมองว่า ในทางทฤษฎีมันยังมีลุ้นท็อป 3 อยู่ แต่ในทางปฏิบัติมันยากมากที่จะทำได้ หลังจากทำคะแนนหล่นไปหลายเกม และไม่มีอะไรต้องกังวลแล้วในการที่จะตกชั้นในฤดูกาลนี้ และเชื่อว่าสโมสรก็ไม่นิ่งนอนใจแน่นอน

ซึ่งมีหนทางเดียวที่แฟนบอล "ฉลามชล" สามารถทำได้คือการให้กำลังใจ เชื่อมั่นใน "ศรัทธาฟ้าน้ำเงิน" จับมือก้าวฝ่าอุปสรรค์นี้ไปให้ได้จนถึงจบฤดูกาล และว่ากันอีกครั้งหลังจบฤดูกาล เชื่อว่าสักวันหนึ่งจะต้องเป็นวันของฉลาม และเกิดจุดเปลี่ยนอย่างแน่นอนในเร็วๆ นี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline