logo-heading

เรื่องวุ่นวายของ "ฟุตบอลไทย" ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จากเรื่องของ "จุดพลุ" ในสนามที่ทำให้ชื่อเสียงเสียไปในระดับเอเชียไปแล้ว 

ล่าสุดมีเรื่องไม่สิ้นสุดกับ "ลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทย"  ที่ ณ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะออกหน้าไหน

โดยเฉพาะหลังการประชุมเมื่อวานนี้ที่มีข่าวแรงสุดๆ ว่า "ทีมไทยลีก 1" ขอแยกตัวออกมาบริหารสิทธิประโยชน์กันเอง เนื่องจากเงินค่าลิขสิทธิ์ในฤดูกาลนี้ (2023/24) ตกต่ำสุดๆ มาอยู่แค่ 50 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งมันน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับหลายๆ ปีหรือหลายครั้งที่ผ่านมา ดังนั้นปฏิบัติการการแยกตัวออกมาทำงานจึงเกิดขึ้นในที่สุด ... 

แต่เรื่องนั้นคงเป็นเรื่องที่ ขอบสนามบอลไทย ไม่ก้าวล่วงอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องที่เราต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป แต่สิ่งที่จะมาพูดถึงจากนี้คือ ทำไม ?? เพราะอะไร ?? ค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทย ถึงได้ตกต่ำขนาดนี้ ...

 

อย่างแรก "การทำงานของสมาคมไม่ตอบโจทย์" แน่นอนถ้าต้องมุ่งไปที่การทำงานของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เพราะตั้งแต่ตอนโควิดเข้ามาแบบแรกเริ่ม ส.บอล เริ่มการปฏิวัติ "ฟุตบอลไทย" ทันที ตั้งแต่การประกาศหยุดลีกอย่างยาวนาน 6-7 เดือน พร้อมกับปรับปฏิทินฟุตบอลไทยใหม่มาเตะแบบข้ามปี

และที่สำคัญคือไม่มีการประนีประนอมกับ "ทรูวิชั่นส์" เจ้าของลิขสิทธิ์เดิมที่ในช่วงเวลานั้นสัญญาที่กำลังจะหมดลงช่วงสิ้นปี แต่ฟุตบอลไทยดันเตะข้ามปี ทำให้พวกเขาต้องการลดอะไรหลายๆ อย่างในช่วงโควิด จนสุดท้ายแล้วต้องขาดกันในที่สุด และทำให้บอลไทยต้องวิ่งวุ่นหาเจ้าของลิขสิทธิ์ใหม่ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาจนถึงตอนนี้  

เรื่องต่อมา "ไม่มีคู่แข่งขันในการประมูล" เพราะเมื่อตัดขาดกับ "ทรูวิชั่นส์" ไปก่อนหน้านี้ และประกอบกับไม่มีเจ้าไหนสนใจเข้ามาประมูลเพิ่มเติม ทำให้ AIS คือ เจ้าเดียวที่เข้าร่วมประมูลในหนนี้

ส่วน True ที่มีข่าวเป็นเพราะไทยลีกเข้าไปสอบถามว่าสนใจมั้ยคำตอบคือ สนใจแต่สนใจแค่ "ทีมชาติ" เท่านั้น ดังนั้นในเมื่อมีเจ้าเดียวที่สนใจกับ "ลิขสิทธิ์" ครั้งนี้เงินที่ยื่นไปก็ไม่จำเป็นต้องสูงแบบเวอร์วังอลังการ เพราะไม่มีคู่แข่งลงไปสู้ ทำให้เราได้ยินยอด 50 ล้านบาทจากยอดที่เคยสูงถึง 1,000 ล้านบาทมาแล้ว 

ซึ่งเรื่องตรงนี้ก็สืบเนื่องจากการบริหารที่ผิดพลาดของ ส.บอล ที่มองการตัดขาดกับ ทรูวิชั่นส์ แล้วจะไปหาสปอนเซอร์เจ้าใหม่ แต่สุดท้ายจนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถหาเจ้าใหม่มาทดแทนได้อย่างเป็นทางการ

และล่าสุดเรื่องปัญหาในตัวของฟุตบอลไทยคือ "บอลไทยอยู่ในช่วงขาลง" เอาตรงๆ ตั้งแต่ โควิด ฟุตบอลไทยมันก็ซบเซาอยู่แล้ว แต่มันก็ยังเดินไปได้ เพราะมันยังดันไปด้วยตัวมันเองได้ เพราะความสนใจที่ยังมีอยู่กับกลุ่มแฟนบอลเดิมๆ แต่มันก็อยู่แบบไม่มีมูลค่าเพิ่ม หรือเรียกง่ายๆ ว่าหาเงินเพิ่มจาก "ลิขสิทธิ์" ตัวนี้ไม่ได้เลย

ถึงอย่างนั้นก็อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าบอลไทยอยู่ในจุดซบเซา เพราะมีรายงานว่าไทยลีกเมื่อปีที่ผ่านมานั้นมียอดคนดูสูงถึง 11 ล้านคน และมียอดวิวทะลุหลัก 1000 ล้านวิวด้วย ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดของการแข่งการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยอีกด้วย 

สุดท้ายแล้วไม่ว่าปัญหามันจะคืออะไร ?? การบริหารงานของสมาคม หรือ การตกต่ำของฟุตบอลไทย ตอนนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมหัวช่วยกันหาทางออกที่ดีร่วมกัน ลืมอดีตที่ขมขื่นไปก่อน จับมือกันแล้วช่วยกันดันให้บอลไทยเดินต่อไปได้ด้วยเม็ดเงินที่มันเหมาะสมที่สุดกับทุกๆ ฝ่ายต่อไป ...

 

บอลพาดู 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline