logo-heading

สนามราชมังคลากีฬาสถาน สนามกีฬาแห่งชาติ ที่ขึ้นชื่อว่าใหญ่และได้มาตรฐานที่สุดของเมืองไทย เคยต้อนรับนักเตะดังระดับโลกอย่าง ลีโอเนล เมสซี่, ซีเนอร์ดิน ซีดาน, เดวิด เบ็คแฮม, โรนัลโด้ R9 รวมทั้งสโมสรชื่อดังอย่าง แมนฯ ยู, ลิเวอร์พูล, มาดริด, บาร์ซ่า ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เคยมาบรรเลงเพลงแข้งที่สนามแห่งนี้ทั้งสิ้น

แต่ล่าสุดสนามกีฬาแห่งชาติของประเทศไทย อย่างสนามราชมังฯ กำลังเป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์อยู่ในเวลานี้ หลังไม่สามารถใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลแมตช์กระชับมิตรระหว่าง ท็อตแน่ม ฮ็อตทสเปอร์ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้ เนื่องจากมีฝนถล่มลงมาอย่างหนัก จนสนามนั้นระบายน้ำไม่ทัน และไม่อยู่ในสภาพที่สองสโมสรจะให้นักฟุตบอลของเขาลงไปเตะได้ เพราะกลัวจะเกิดอาการบาดเจ็บ สุดท้ายทางฝ่ายจัดการแข่งขันต้องประกาศยกเลิกแมตช์ดังกล่าวนี้ไป ท่ามกลางความเซ็งของแฟนบอลทั้งสองทีมที่ไปรอดูทีมรักของเขาลงเตะที่เมืองไทย

ความไม่พร้อมของราชมังคลากีฬาสถาน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสนามกีฬาแห่งชาติ ใครควรรับผิดชอบ และถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทยของเราต้องปรับปรุงให้ราชมังคลากีฬาสถานได้มาตรฐานมากกว่านี้ มาร่วมหาคำตอบในขอบสนามอินไซด์วันนี้ครับ

จากเหตุการณ์การยกเลิกการแข่งขันฟุตบอลแมตช์พิเศษระหว่าง สเปอร์ส กับ เลสเตอร์ ที่ได้บอกไปแล้ว เนื่องจากสภาพสนามไม่พร้อมนั้น ถูกตีข่าวไปทั่วโลก ซึ่งก็สร้างความเสื่อมเสียมายังประเทศไทยของเราแบบไม่ต้องสงสัย ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาและจัดการแข่งขันฟุตบอลแมตช์ดังกล่าวได้

และเท่าที่ผมจำได้ในชีวิตของผมนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่แมตช์ฟุตบอลระดับโลกที่มาจัดเมืองไทยแล้วต้องถูกยกเลิกไป ทำที่ผมจำความได้ก็ไม่เคยมีมาก่อน 

ตอนนี้ทุกคนพุ่งเป้าไปที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ฟุตบอลแมตช์ดังกล่าวแข่งขันไม่ได้ อีกส่วนนึงก็คือเรื่องของฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจ และตกลงมาห่าใหญ่ ประหนึ่งว่าจะไม่ให้ฟุตบอลแมตชืนี้ลงทำการแข่งขัน

จริงๆ แล้วสนามราชมังฯ เป็นสนามฟุตบอลที่มีระบบระบายน้ำดีเยี่ยมสนามหนึ่งของเมืองไทย แต่มันก็เมื่อหลายปีมาแล้ว เมื่อปี 2007 ในศึกเอเชี่ยน คัพ ที่เราเป็นเจ้าภาพ เกมสุดท้ายรอบแบงกลุ่มพบออสเตรเลีย ผมยังจำได้เพราะอยู่สนามด้วยในฐานะแฟนบอล นั้งอยู่ฝั่งหลังประตู วันนั้นฝนตกลงมากนักมาก ผมว่าหนักไม่แพ้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถ้าไปดูที่ลู่วิ่ง หรือหลังประตู จะเห็นว่าน้ำเจิ่งนองเยอะมาก แต่พื้นสนามกลับไม่มีปัญหาอะไร สามารถใช้ทำการแข่งันได้ปกติ ในขณะที่ฝนก็ยังตกลงมาอยู่เรื่อยๆ

แต่ก็นั่นแหละ มันเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว แม้ว่าท่านผู้ว่า กกท. จะบอกว่ามีการปรับปรุงเรื่องระบบระบายน้ำอยู่ทุกๆ ปี แต่เมื่อเจอฝนห่าใหญ่แบบนี้ ถึงวันนี้มันเอาไม่อยู่แล้วครับท่าน

ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจก่อนว่าสนามราชมังคลากีฬาสถาน อยู่ภายใต้การดูแลควบคุมของ "การกีฬาแห่งประเทศไทย" ไม่ใช่ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งพอมีอะไรเกิดขึ้นกับราชมังฯ แฟนบอลที่ไม่รู้เรื่องก็ไปด่านายกสมาคมฯ เฉย เขาไม่ได้เกี่ยวอะไร ในส่วนของความดูแลของ กกท.นั้น ก็แน่นอนว่าต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฐานะเจ้าของสถานที่ ซึ่งถ้าลงให้ลึกไปอีก กกท.นั้นเป็นหน่วยงานของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งก็อยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาล 

ดังนั้นถ้าจะถามว่าหัวใหญ่ที่สุดในการมีส่วนรับผิดชอบกับเรื่องนี้ ในการพัฒนายกระดับสนามราชมังคลากีฬาสถานให้มันดีขึ้นควรจะเป็นใคร คำตอบก็คือรัฐบาลครับ ต้องเข้ามาช่วยจัดการในเรื่องนี้ สั่งตรงไปที่กระทรวงฯ กระทรวงก็ส่งต่อมาที่ กกท. ในการดำเนินการ เช่นกันหากรัฐบาลไม่สั่งลงมา กกท. ก็ต้องทำเรื่องไปถึงกระทรวงฯ และกระทรวงก็ต้องส่งต่อไปที่รัฐบาลเพื่อมีคำสั่งลงมาอีกที

เพราะอย่าลืมว่านี่คือสนามกีฬาแห่งชาติ ที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น มันก็ย่อมส่งผลเสียต่อเชื่อเสียงของประเทศไทยด้วยเช่นกัน

อีกอย่างที่ต้องทำความเข้าใจกับแฟนบอลทุกท่าน จริงๆ แล้ว การกีฬาแห่งประเทศไทย ก็มีนโยบายและโครงการปรับปรุงพื้นที่ภายในการกีฬาทั้งหมด ซึ่งก็มีสนามราชมังฯ รวมอยู่ด้วยในโครงการสมาร์ท เนชั่นแนล สปอร์ต ปาร์ค ซึ่งจะทำให้การกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นศูนย์รวมของสนามกีฬาของประเทศ ทั้งนี้ก็เป็นแผนงานที่เตรียมไว้รองรับการเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วย

โดยแผนงานปรับปรุงโครงการนี้ถูกตั้งไว้ที่ 3 เฟส เฟสแรก ปี 2563–2565 ที่ผ่านมา เราจะเห็นว่ามีการปรับปรุงเรื่องภูมิทัศน์ต่างๆ ในการกีฬาแห่งประเทศไทย รวมทั้งสนามราชมังฯ มีการทาสีใหม่ ติดตั้งเก้าอี้บนอัฒจันทร์ใหม่สวยงามเป็นสง่า ขณะที่เฟส 2 ปี 2566–2569 และ เฟส 3 ปี 2570-2575 คือทุกอย่างสะเสร็จสมบูรณ์ ก็ต้องรอไปอีก 14-15 ปี ซึ่งโครงการนี้มีกรอบงบประมาณรวมกว่า 12,000 ล้านบาท คิดเอาเองแล้วกันครับทุกท่าน

โอเครละว่าสนามทาสีแล้วมันก็ดูดีขึ้น ติดเก้าอีใหม่ก็สวยงามขึ้น แต่ที่แฟนบอลอยากให้ทำมากที่สุดก็คือหลังคา ทำให้ครบ 4 ด้านได้ไหม ทั้งๆ ที่แบบตอนแรกเริ่มเลยมันมีหลังคาทั้ง 4 ด้าน แต่ทำไปทำมาหลังคาหายเหลือด้านเดียว เรื่องของระบบระบายน้ำก็คงต้องรื้อและทำใหม่ทั้งหมด เรื่องห้องน้ำห้องท่า เมื่อ 10 ปีก่อนยังไงก้ยังอย่างนั้น บางจุดเข้าไม่ได้ด้วย เรื่องที่จอดรถก็เป็นอีกจุดที่มีคนบ่นกันเยอะ ว่ามันช่างมืด น่ากลัว สกปรก แถมยังเหม็นเน่าอีก เห้ย!! นี่มันสนามกีฬาแห่งชาตินะเว้ย!! 

นี่คือสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่ควรจะทำให้มันดีควบคู่ไปกับภูมิทัศน์ภายนอก เรื่องห้องน้ำ กับที่จอดรถ สาเหตุที่มันไม่มีมีการปรับปรุงซ่อมแซมก้เพราะว่าคนใหญ่คนโต ผู้มีอำนาจเขาไม่ได้มาใช้งานในส่วนนี้ เขามีที่จอดรถด้านบนเดินเข้าสนามได้เลย ห้องน้ำก็มีต้องห้องวีไอพี เข้า-ออก สะดวก แถมสะอาด เขาไม่ได้มาจอดรถหรือเข้าห้องน้ำเดียวกับแฟนบอล ถ้าลองได้มาใช้บริการสักครั้ง รับรองวันสองวันมีการปรับปรุงทันที

เรื่องที่จอดรถคิดง่ายๆ มันควรจะมีมาตรฐานเดียวกับกับห้างสรรพสินค้า มีพื้นที่เรียบ มีไฟส่องสว่าง มีล็อกมีเสาตัวเลขชัดเจน บางทีคนจอดรถไว้ พอกลับลงมาหารถไม่เจอ เพราะจำเสาไม่ได้ แถมมืดและเปลี่ยวอีก 

ก็หวังว่าเหตุการณ์นี่จะเป็นบทเรียน และเป็นสิ่งที่มันกระตุกต่อมให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้นำไปปรับปรุงแก้ไขพัฒนาสนามกีฬาแห่งชาติของเราให้มันดูดีเหมือนชาติอื่นๆ เขาบ้าง เอาแค่ในอาเซียน สิงคโปร์ เขามีสนามสิงคโปร์ สปอร์ต ฮับ ที่มาตรฐานระดับโลก หลังคาเปิดปิดได้ 

มาเลเซีย มีบูกิต จาลิล ที่ปรับปรุงใหม่ ส่วยได้มาตรฐาน จุแฟนบอลเรือนแสน ที่อินโดนิเซีย สนามเกโลร่า บังกาโน่ หรือเสนายันเดิม ที่แต่ก่อนที่ไม่ต่างจากราชมังฯ แต่ตอนนี้สนามเขาสวย สามารถใช้จัดฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์โลกแล้ว 

ก็นั่นแหละครับ หวังว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการกีฬาจะเห็นความสำคัญของสนามกีฬาแห่งชาติที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย ใครได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนก็จะได้กลับไปมีแต่เสียงชื่นชมไม่ใช่มีแต่เสียงวิจารณ์แบบนี้ และก็ฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่จะตั้งกันได้เมื่อไหร่ไม่รู้ ใครได้เป็นนายกรัฐมนตี ก็ฝากช่วยจัดการเรื่องนี้ด้วยครับท่าน 

 

#ชิชาริเต่า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline