logo-heading

นับว่าเป็นอีกเรื่องที่น่ายินดีสำหรับวงการฟุตบอลไทยและแฟนบอลชาวไทย ในการที่ได้เห็นนักเตะไทยถูกส่งไปค้าแข้งในต่างประเทศ ล่าสุดคือในรายของ เอกนิษฐ์ ปัญญา แนวรุกดีกรีทีมชาติไทยที่เพิ่งย้ายจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปร่วมทัพ อุราวะ เรด ไดมอนส์ ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึก เจลีก 1 ญี่ปุ่น ด้วยสัญญายืมตัวจนถึงสิ้นปี 2023 พร้อมออฟชั่นต่อสัญญาเพิ่มหากทำผลงานดี

การย้ายไปทีมของ “เจ้าบุ๊ค” ครั้งนี้จะเป็นนักเตะไทยรายที่สองบนเวทีเจลีกขณะนี้ ต่อจาก สุภโชค สารชาติ ที่ปัจจุบันกลายเป็นขุมกำลังหลักของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ไปแล้วเป็นรที่เรียบร้อย

ดาวรุ่งเลือดเนื้อเชื้อไขชาวจังหวัดเชียงราย ก่อนหน้านี้เคยถูกขนานนามว่า “วันเดอร์คิดส์ล้านนา” ที่จะขึ้นมาเขย่าวงการฟุตบอลไทย ซึ่งหลายฝ่ายต่างจับตามองฝีเท้าของเขาตลอดมา และเจ้าตัวก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพแล้วว่าสามารถยืนระยะ และก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทยได้

เส้นทางของ เอกนิษฐ์ กว่าจะก้าวมาถึงตรงจุดนี้ไม่ได้โรยดั่งกลีบกุหลาบ เคยพบเจอกับอุปสรรค์ต่างๆ มากมาย ทั้งประสบปัญหาอาการบาดเจ็บยาว จนถูกแฟนๆ วิจารณ์ฟอร์มการเล่นที่ไม่ได้ดีเหมือนเดิม แต่เจ้าตัวเลือกที่จะไม่ตอบโต้และก้มหน้าก้มตาทำผลงานของตัวเองให้ออกมาดีที่สุด

หากพูดถึง อุราวะ เรด ไดมอนส์ หนึ่งในสโมสรยักษ์ใหญ่ในลีกญี่ปุ่น เจ้าของฉายา “ปีศาจแดงแห่งเอเชีย” ที่ไม่มีใครปฏิเสธถึงความยิ่งใหญ่ของพวกเขาได้ เคยประสบความสำเร็จมามากมายนับไม่ถ้วน มีดีกรีเป็นเจ้าของแชมป์เอเชียมาแล้ว 3 สมัย และกองเชียร์ในสนาม ไซตามะ สเตเดี้ยม 2002 สังเวียนเหย้า มีสไตล์การเชียร์ที่ดุดันเปรียบดั่ง "นรกทีมเยือน"

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสโมสรแห่งนี้คือศูนย์รวมแข้งระดับซูเปอร์สตาร์คุณภาพคับแก้วมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ชินโซะ โคโรกิ ศูนย์หน้าจอมเก๋าดีกรีอดีตทีมชาติญี่ปุ่น หรือนักเตะที่เคยผ่านเวทียุโรปมาแล้วอย่าง ฮิโรกิ ซากาอิ, ทาคาฮิโระ เซกิเนะ, ฮิโรกิ อาเบะ และบรรดาแข้งรายอื่นๆ ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพดึงตัวมาสู่ทีม

จุดเริ่มต้นการย้ายมาร่วมทีม อุราวะ เรดส์ มาจากที่เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ส่ง 3 นักเตะอย่าง วีระเทพ ป้อมพันธุ์, เจริญศักกดิ์ วงษ์กรณ์ และเอกนิษฐ์ ปัญญา มาร่วมฝึกซ้อม ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าสองสโมสรคือพันธมิตรกัน แต่ทว่าทางทีมสตาฟฟ์โค้ชเกิดประทับใจในทักษะและฝีเท้าของ "เจ้าบุ๊ค" จึงตัดสินใจดึงตัวมาร่วมทัพเพื่อเพิ่มตัวเลือกในขุมกำลังแนวรุก ภายใต้การทำทีมของ มาเซียจ สคอร์ซ่า กุนซือใหญ่ชาวโปแลนด์

สำหรับฤดูกาลที่ผ่านมาลงสนามให้ "กิเลนผยอง" ไปทั้งหมด 33 นัดทุกรายการ ยิง 6 ประตู

ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ "เจ้าบุ๊ค" ที่ก้าวออกจากก้าวข้ามจากคอมฟอร์ทโซน สู่ความท้าทายครั้งใหม่ที่จะได้เล่นร่วมกับเหล่าซูเปอร์สตาร์ระดับคุณภาพ เรียนรู้พัฒนายกระดับฝีเท้าไปอีกขั้น

แต่สิ่งที่จะต้องพบเจอแน่ๆ คือการแข่งขันภายในทีมจะสูงมากขึ้นและเข้มเข้นกว่าที่เคยลงเล่นในลีกบ้านเกิด อีกทั้งยังต้องแบกความหวังอันมหาศาลจากแฟนชาวไทย แม้ว่าโอกาสการันตีตัวจริงจะมีน้อยก็ตามแต่เชื่อว่าเจ้าตัวจะโชว์ศักยภาพเต็มที่สุดความสามารถ พิสูจน์ให้ว่าเป็นคนไทยอีกคนที่มีความสามารถในการเล่นบนลีกสูงสุดของญี่ปุ่นได้

สุดท้ายนี้เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ส่งให้ เจ้าบุ๊ค และอวยพรให้ประสบความสำเร็จกับการผจญภัยเส้นทางลูกหนังครั้งใหม่นี้

 

"Chunka"

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline