เช็กขุมกำลัง “ปราสาทสายฟ้า” พร้อมแค่ไหนก่อนบู๊ฤดูกาลใหม่ และ เวที ACL

อีกเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นศึกความมันส์ฤดูกาล 2023/24 ใกล้จะเปิดฉากขึ้นแล้ว เชื่อว่าแฟนๆ ฟุตบอลไทยไม่น้อยตื่นเต้นที่จะได้กลับมายลฟอร์มทีมรักของตัวเองว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากฤดูกาลก่อนมากแค่ไหน เช่นเดียวกับบรรยากาศสุดมันส์ในสนามแข่งขันที่ห่างหายไปตลอดช่วงเกือบ 3 เดือน

พลพรรค “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของทริปเปิลแชมป์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา คือทีมอันดับต้นๆ ที่หลายฝ่ายต่างให้ความสนใจก่อนเปิดฤดูกาลทั้งในเรื่องนักเตะขาเข้า-ขาออก หรือแม้กระทั่งการปรับจูนแท็กติกในช่วงปรีซีซั่น

ขุนพลเซราะกราว จะมีโปรแกรมการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นกว่าฤดูกาลก่อน ไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 2023 ด้วยการดวลกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมรองแชมป์ไทยลีก ก่อนเริ่มระเบิดศึก ไทยลีก 2023/24

อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของสโมสรคือการไปลุยศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่ถือว่าเป็นรายการที่ตั้งเป้าเอาไว้สูงและต้องไปให้ไกลมากที่สุด

การเตรียมความพร้อมก่อนสู้ศึกในทุกรายการ บวกกับจำนวนแมตช์ที่เพิ่มมากขึ้น การเสริมทัพจึงถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความแข็งแกร่งให้กับขุมกำลังที่มีอยู่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ด้านขาออก นักเตะที่ไม่ได้ไปต่อคือในรายของ โจนาธาน โบลินกิ, เรบิน ซูลาก้า, ฟิลิป โรกิช รวมไปถึงการที่ปล่อยยืม อิรฟาน ดอเลาะ ไป อุทัยธานี เอฟซี และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าดาวรุ่งไปล่าฝันในลีกยุโรป

ส่วนด้านขาเข้าฤดูกาลนี้ “ปราสาทสายฟ้า” จัดว่าไม่ได้เสริมปริมาณที่เยอะอะไรมากมาย แต่คือจุดที่ทีมต้องการจริงๆ ไล่ตั้งแต่นักเตะต่างชาติใหม่ นำโดย คิม มิน ฮยอก ปราการหลังดีกรีทีมชาติเกาหลีใต้ เคยผ่านการลงเล่นกับ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส, รามิล เซย์ดาเยฟ หัวหอกดีกรีทีมชาติอาร์เซอร์ไบจาน จาก คาราบัค และ นิโคเลา คาร์โดโซ่ แนวรุกริมเส้นอดีตเคยค้าแข้งกับ นาโปลี และติดทีมชาติอิตาลีในระดับเยาวชนมาแล้วหลายชุด

อย่างไรก็ตามแต่สิ่งที่นักเตะต่างชาติรายใหม่ไม่ว่าใครจะต้องพบเจอนั่นคือความคาดหวังที่สูง เนื่องจาก บุรีรัมย์ ตั้งมาตรฐานไว้ว่านักเตะต่างชาติที่ดึงตัวมาร่วมทีมแต่ละครั้งคุณภาพจะต้องไม่ด้อยไปกว่าที่เคยมีตลอดที่ผ่านมา

ขณะที่นักเตะไทยได้ดึงตัว สุพร ปีนะตากาโพธิ์ กองหลังอดีตกัปตันทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ลีออน พิชญ เจมส์ กองกลางดีกรีทีมชาติไทย U23 จาก หนองบัว พิชญ เอฟซี เพื่อเพิ่มขนาดทีมและโรเตชั่นใช้สู้ศึกแต่ละทัวร์นาเมนต์ มารวมกับกับขุมกำลังของทีมปัจจุบันที่มีอยู่อย่าง ธีราทร บุญมาทัน, ศุภชัย ใจเด็ด, โกรัน เคาซิซ, ลอนซาน่า ดุมบูญ่า

ตลอดที่ผ่านมาที่ประเทศไทยได้โควต้าเล่นศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งอันเนื่องมาจากผลงานของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยที่เคยทำเอาไว้เมื่อได้มาแข่งในทัวร์นาเมนต์นี้ ซึ่งพวกเขาเคยเข้าไปรอบลึกที่สุดถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายมาแล้วเมื่อปี 2013 จากนั้นก็ยังได้มาเล่นรายการนี้เรื่อยๆ อยู่บ่อยครั้ง และทำผลงานเป็นที่น่าพอใจ ประเทศไทยจึงได้ค่าสัมประสิทธิ์ที่สูงขึ้นไปด้วย

การคัมแบ็คสู่รอบแบ่งกลุ่มของ "ปราสาทสายฟ้า" จึงเป็นความภาคภูมิใจของทีมที่ได้ยืนตรงจุดนี้อีกครั้งในรอบเกือบ 4 ปี โดย 2 ครั้งล่าสุดก่อนหน้าพวกเขาหยุดเพียงแค่บนเส้นทางในรอบเพลย์ออฟเท่านั้น โดยครั้งนี้กลับมาด้วยโควต้าตำแหน่งแชมป์ได้เล่นโดยอัตโนมัติ ขุมกำลังนั้นก็ต้องเปี่ยมด้วยคุณภาพยกระดับทีมไปอีกขึ้น

เชื่อว่าในฤดูกาล 2023/24 นี้ พลพรรค “ปราสาทสายฟ้า” ภายใต้การนำทัพโดย มาซาทาดะ อิชิอิ เป็นอีกฤดูกาลที่น่าสนใจ สร้างความตื่นตาตื่นใจในฟุตบอลไทยลีก และรายการฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย พวกเขาไม่ใช่เพียงแค่เป็นตัวแทนของชาวบุรีรัมย์ แต่นี่คือตัวแทนจากไทยที่สร้างผลงานและชื่อเสียงระดับประเทศ

มาลุ้นกันว่าผลการจับสลาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในรอบแบ่งกลุ่มจะได้พบกับทีมไหนบ้าง ผลงานของทีมจะน่าประทับใจแค่ไหนและทำได้ตามเป้าหมายได้หรือไม่

 

"Chunka"