logo-heading

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้ว่าจะเป็นสโมสรมหาอำนาจลูกหนังไทยที่ประสบความสำเร็จกอบโกยโทรฟี่เข้ามาประดับบนตู้โชว์ได้มากมายแทบทุกปี แต่พวกเขาก็ถือว่าเป็นอีกสโมสรที่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งมาถึงในรายล่าสุดอย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่นที่พาทีมคว้า 3 แชมป์ ได้ 2 ครั้งติดต่อกัน ก็เพิ่งไปรับหน้าที่เป็นประธานเทคนิคทีมชาติไทย

จากการที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร แถลงเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าการส่ง อิชิอิ ไปให้ทีมชาติไทย นับเป็นการสูญเสียคนสำคัญของสโมสร แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ได้ให้ อาเธอร์ ปาปาส ประธานเทคนิคชาวออสซี่ ซึ่งเป็นอดีตมือขวาของ อังเก้ ปอสเตโคกลู ลงมารับหน้าที่ตรงส่วนนี้

การเปลี่ยนกุนซือใหญ่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบว่าในช่วงระยะหลังที่ผ่านมาส่วนใหญ่ มักจะมีการเปลี่ยนในทุกๆ 2 ปี ไล่ย้อนไปตั้งแต่ อเล็กซานเดร กาม่า รอบแรก ฤดูกาล 2014-2016 และรอบสอง ฤดูกาล 2020/21-2021/22, มาซาทาดะ อิชิอิ ฤดูกาล 2021/22-2023/24 ส่วนคนที่คุมทีม "ปราสาทสายฟ้า" ได้นานสุดถึง 3 ปี คือ โบซิดาร์ บันโดวิช ในฤดูกาล 2017-2020/21

ทีมงานขอบสนามบอลไทยจะพามาวิเคราะห์ 2 ข้อใหญ่ๆ ว่าเหตุใดทำไมทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ถึงต้องเปลี่ยนแปลงตรงส่วนนี้ทุก 2 ปี มีอะไรบ้างมาดูกัน

ข้อแรก คือ ตามปรัชญาของสโมสรต้องยกระดับทั้งฟอร์มการเล่น ศักยภาพนักเตะและเฮดโค้ชให้ได้ทุกๆ ปี มองเป้าหมายที่สูงขึ้นคือในเวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งตลอดที่ผ่านมาเคยตั้งเป้าไว้ต้องไปให้ถึงท็อป 5 เอเชียให้ได้ ซึ่งในปี 2023 นี้พวกเขาได้โอกาสกลับมาโลดแล่นบนเวทีเอเชียอีกครั้งในรอบ 4 ปี โดย 2 ปีก่อนหน้า หยุดเพียงแค่ในรอบเพลย์ออฟเท่านั้น ซึ่งผลงานในอดีตเคยผ่านเข้ารอบได้ไกลที่สุดคือ รอบ 8 ทีมสุดท้าย

แน่นอนว่าสิ่งนี้คือแนวคิดของพวกเราที่ต้องทำให้ได้ จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยอันดับต้นๆ ต้องหาคนที่ใช่ และตอบสนองต่อความต้องการเพื่อยกระดับทีมไปให้ได้

ข้อที่สอง คือ บุรีรัมย์ ต้องมีเฮดโค้ชที่ทำฟุตบอลมีสไตล์ที่เล่นสนุก มีความทันสมัย ช่วงระยะหลังฟุตบอลสไตล์ของ อิชิอิ มักจะออกมาไม่สวยงามสักเท่าไหร่ แต่ได้ผลแข่งตามที่ตามต้องการ เชื่อว่าอาจทำให้ผู้บริหารสโมสรมีแนวคิดอยากให้ทีมเปลี่ยนสไตล์การเล่นไปจากเดิม เพิ่มความตื่นเต้น สามารถเอ็นเตอร์เทนคนดูได้เป็นอย่างดี จึงได้ติดต่อ อาเธอร์ ปาปาส ซึ่งในอดีตเป็นมือขวา โค้ชอังเก้ ในสมัยที่อยู่กับ โยโกฮาม่า เอฟ-มารินอส และมี DNA ในการเล่นเกมบุกมันส์ๆ เพื่อเข้ามาช่วยงานถ่ายทอดและเปลี่ยนสไตล์บอลก็เป็นได้

 

ท้ายที่สุดสรุปได้ว่าไม่ว่าโค้ชคนไหนจะเข้ามาคุมทีมหรือเปลี่ยนสไตล์ฟุตบอลไปแค่ไหน แต่เป้าหมายหลักๆ ที่ต้องทำให้ได้ทุกฤดูกาลคือกวาดทุกแชมป์ครองตำแหน่งมหาอำนาจลูกหนังของไทยให้ได้นานที่สุด และยกระดับทีมก้าวขึ้นไปสู้บนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย เข้ารอบลึกที่สุด

 

Chunka

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline