logo-heading

อีกไม่กี่สัปดาห์เราก็จะได้รวมใจเชียร์ทีมชาติไทยของเราด้วยกันอีกครั้ง กับศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทีมช้างศึกของเราจะลงสนามนัดแรกด้วยการพบกับเลบานอน ในวันที่ 7 กันยายนนี้ ขณะที่อีกคู่ อิรัก จะพบกับ อินเดีย ก็มารอดูกันว่าเราจะได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์ได้ตามที่กุนซือใหญ่วางเป้าหมายไว้ได้หรือไม่

พูดถึงฟุตบอลคิงส์ คัพ ครั้งนี้ บางทีอาจเป็นทัวร์นาเม้นท์ที่ตัดสินอะไรบางอย่างของทีมชาติไทย ก็เป็นได้ ถ้าให้พูดตามตรงเลยก็คือ "ตัดสินอนาคตของกุนซือใหญ่อย่าง มาโน่ โพลกิ้ง" นี่แหละ

เพราะดูเหมือนว่าถ้าผลงานไม่ดี เล่นได้ไม่เร้าใจ ไม่ได้แชมป์ อาจจะเป็นการคุมทัพช้างศึกครั้งสุดท้ายของกุนซือลูกครึ่งเยอรมัน-บราซิล ก็เป็นได้ เพราะมีว่าที่โค้ชทีมชาติไทยคนใหม่ชาวญี่ปุ่นมายืนรอเสียบอยู่แล้ว

ที่เกริ่นมาข้างต้นก็เชื่อว่าทุกคนพอจะเดาถูกว่าผมหมายถึงใคร และกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ก็อย่างที่ทุกคนเข้าใจละครับ ส่วนใครที่ไม่เข้าใจ ก็ค่อยๆ อ่านตามไปเดี๋ยวก็จะเข้าใจเอง

ว่าด้วยเรื่องของ "มาซาทาดะ อิชิอิ" อดีตกุนซือผู้พาบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้า 6 แชมป์ภายใน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ตอนนี้ตำแหน่งใหม่ของเขาคือ "ประธานเทคนิคทีมชาติไทย" ที่จะมาทำงานร่วมกับ มาโน่ โพลกิ้ง เฮดโค้ช เพื่อเป้าหมายสำคัญคือฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก

ก่อนอื่นต้องอธิบายเรื่องตำแหน่ง "ประธานเทคนิคทีมชาติไทย" กันก่อน จริงๆ แล้วมันไม่มีตำแหน่งนี้อยู่ในสมการของทีมชาติหรือของฟุตบอลไทย แต่ที่ต้องมีตามกฏของฟีฟ่าก็คือ "ประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ" แต่ก่อนเรามี "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ ซึ่งไม่ได้ดูเฉพาะทีมชาติไทย ชุดใหญ่ แต่จะดูภาพรวมทีมชาติทุกชุด และจริงๆ ก้จะดูเรื่องของการพัฒนาฟุตบอลไทยทั้งระบบด้วย ทั้งบอลลีก บอลเยาวชน และทีมชาติ

ก่อนหน้านี้เรามี การ์เลส โรมาโกซา ที่เป็นผู้อำนวยการเทคนิคสมาคมฯ และคนล่าสุดก็คือ "โค้ชแดง" ทรงยศ กลิ่นศรีสุข ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบ 

ดังนั้นที่จะบอกก็คือ "ประธานเทคนิคทีมชาติไทย ชุดใหญ่อย่างเดียว" มันไม่เคยมีมาก่อน แต่เราก็คงจะรู้แหละว่าที่ อิชิอิ มาอยู่ในตำแหน่งนี้เพราะอะไร

อีกเรื่องที่อยากพูดถึงก็คือการแต่งตั้ง "อิชิอิ" มารับตำแหน่งนี้ ก็ดูเหมือนจะถูกใจแฟนบอลชาวไทยส่วนใหญ่ ที่ก่อนหน้านี้ก็แอบเชียร์กันอยู่ ด้วยเหตุผลที่ว่าเบื่อกับฟอร์มการเล่นของทีมชาติไทยในยุคของ มาโน่ ที่เริ่มจะไม่ได้เห็นอะไรใหม่ๆ ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ส่วนตัวก็ยังสนับสนุนมาโน่ อยู่ เพราะยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปปลดเขาตอนนี้ 

อย่างที่บอกว่าจริงๆ แล้ว มาโน่ ก็ไม่ได้ผิดอะไร ทัวร์นาเม้นท์สำคัญก็ทำได้ตามเป้าโดยเฉพาะการคว้าแชมป์อาเซียน 2 สมัยติด เพียงแต่ว่าแฟนบอลส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อมือว่า มาโน่ จะพาทีมชาติไทยประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนท์ที่ใหญ่กว่าอาเซียนอย่าง เอเชี่ยน คัพ และฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก

เลยอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่ก็นั่นแหละเปลี่ยนมาจะดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้ แล้วอีกอย่างถ้า มาโน่ ได้ทำต่อตามสัญญาที่มี เขาอาจจะพาทีมประสบความสำเร็จก็ได้ และเขาก็มีความชอบธรรมที่จะทำด้วย เพราะยังมีสัญญาอยู่จนจบเอเชี่ยน คัพ ต้นปีหน้า

ส่วนการประกาศแต่งตั้ง อิชิอิ มานั้น โอเคละว่าถูกใจแฟนบอล แต่วิธีการมันก็ยังดูแปลกๆ อยู่ เพราะเป็นการแต่งตั้งโดยประธานสโมสร 3 ทีมในไทยลีก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือผู้จัดการทีมทีมชาติไทย แต่จะว่าไปแล้วก็เหมือนจะไม่ผิดแปลกอะไร

เพราะตอนที่สมาคมฯ แต่งตั้ง "มาดามแป้ง" ให้เป็นผู้จัดการทีมนั้น ก็มอบสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจเรื่องทีมชาติไทย ทั้งหมด ดังนั้นคุณแป้ง จะแต่งตั้งใครมาทำหน้าที่ในทีมงานทีมชาติไทยชุดใหญ่ก็ย่อมจะกระทำได้ ตามสิทธิ์ที่ตัวเองมี และทางนายกสมาคมฯ ก็ออกมาบอกเองว่าสามารถทำได้

เพียงแต่ว่าบางทีเราก็ต้องไม่ลืมว่าทีมชาติไทย ยังอยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับทีมชาติไทย สมาคมฯ ก็ต้องเห็นชอบด้วย ซึ่งเรื่องนี้สมาคมฯ ก็คงไม่ได้จะขัดขวางอะไร เพราะสมาคมฯ ไม่ได้เสียเงินจ้าง ทางบุรีรัมย์ เขาก็จ่ายเอง แต่ถ้าวันนั้นที่แถลงข่าวมี "บิ๊กอ๊อด หรือตัวแทนสมาคมฯ มานั้งอยู่ด้วยก็คงจะดี" 

แต่ก็นั่นแหละครั้งนั้นอาจเป็นแค่การแถลงข่าวประกาศให้รู้ พอถึงเวลาที่มีการประกาศแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ก็อาจจะเป็นการประกาศโดยสมาคมฯ ก็เป็นได้

ส่วนการมาของ "อิชิอิ" ที่จะมาทำงานร่วมกันกับ มาโน่ ก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่จะทำงานกันได้ลงเอยหรือไม่ คนนึงก็พูดอังกฤษไม่ได้ คนนึงก็พูดญี่ปุ่นไม่เป็น ก็คงต้องรอดูกันต่อไป 

ซึ่งผลงานในฟุตบอลคิงส์ คัพ ก็อาจจะเป็นคำตอบว่าสุดท้ายแล้วทั้งคู่จะได้ร่วมหัวจมท้ายกันไปถึงไหน หมดคิงส์ คัพ กันยายนนี้ ยังมีอุ่นเครื่องที่ยุโรป 2 แมตช์เดือนตุลาคม และก็ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก นัดแรกของไทยก็คือกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ต่อด้วยต้นปีหน้ากับเอเชี่ยน คัพ

ซึ่งผมไม่เชื่อว่าทั้งคู่จะได้อยู่คุมทีมด้วยกันจนถึงเอเชี่ยน คัพ รอบสุดท้ายแน่นอน ไม่ใครคนใดคนนึงอาจต้องไป และอีกคนต้องอยู่ หรือจะไปทั้งคู่แล้วมีคนใหม่เข้ามา ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้

จะอย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของทีมชาติไทย มันจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของว่าที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ คนใหม่หรือไม่ ผลงานทั้งหมดจะเป็นคำตอบ

ถ้าเราได้เข้ารอบสามของฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก มีโอกาสได้ไปต่อรอบสี่ รวมทั้งเอเชี่ยน คัพ ได้เข้ารอบน็อคเอาท์ ไปรอบลึกๆ ละก็ มันอาจเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องก็ได้

ไม่ว่าวิธีการมันจะมาอย่างไร ถ้าผลลัพธ์มันได้ ทุกอย่างก็จบ!!

#ชิชาริเต่า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline