logo-heading

นับถอยหลังอีก 4 วัน ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 ก็จะเปิดฉากฟาดแข้งกันขึ้น ซึ่งเป็นอีกครั้งที่จะไปจัดกันที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่สนามสมโภช เชียงใหม่ 700 ปี ซึ่งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ก่อนที่จะไปเชียร์ทีมชาติไทย ไปดูซิว่ามีอะไรน่าสนใจในศึกคิงส์ คัพ ครั้งนี้บ้าง 

1.ครั้งที่ 3 ของจังหวัดเชียงใหม่

คิงส์ คัพ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 ที่มาจัดต่างจังหวัด โดยเป็นครั้งที่ 3 ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่เคยจัดมาแล้ว 2 ครั้งเมื่อครั้งที่ 42 ปี 2013 และล่าสุดปีที่แล้วครั้งที่ 48 ปี 2022

2.ทีมเข้าร่วมครั้งนี้

ฟุตบอลคิงส์ คัพ ครั้งนี้ มี 4 ชาติเข้าร่วมแข่งขัน ประกอบไปด้วย ทีมชาติไทย, อิรัก, เลบานอน และ อินเดีย ซึ่งนอกจากทีมชาติไทยแล้ว อีก 3 ชาติ ยังไม่เคยมีทีมไหนเป็นแชมป์รายการนี้ โดยไทยของเราเป็นแชมป์มาแล้ว 14 ครั้ง

 

3.แชมป์ครั้งสุดท้ายของไทย

แชมป์คิงส์ คัพ ล่าสุดของทีมชาติไทยคือปี 2017 โดยครั้งนั้นจัดที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน นัดแรกเราชนะเกาหลีเหนือ 3-0 และรอบชิงชนะเลิศ ชนะจุดโทษเบลารุส 5-4 หลังเสมอกัน 0-0 ในเวลา

4.ประเดิมชุดแข่งใหม่

ทีมชาติไทย จะประเดิมชุดแข่งขันใหม่ของวอริกซ์ ที่เพิ่งมีการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้

5.สองแข้งหน้าใหม่ช้างศึก

ทีมชาติไทยชุดนี้ มีนักเตะหน้าใหม่ถอดด้าม 2 ราย คือ จิรวัฒน์ วังทะพันธ์ ผู้รักษาประตูจากขอนแก่น ยูไนเต็ด และ เบนจามิน เดวิส ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ จากชลบุรี เอฟซี 

6.ประเดิม อิชิอิ ปธ.เทคนิคทีมชาติ

คิงส์ คัพ ครั้งนี้จะเป็นการประเดิมทำหน้าที่ประธานเทคนิคทีมชาติไทยของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่เพิ่งมีการประกาศแต่งตั้งกันไป ซึ่งก็จะเป็นครั้งแรกที่จะทำงานร่วมกับ มาโน่ โพลกิ้ง ด้วย ก็ต้องรอดูว่าผลงานจะออกมาเป็นเช่นไร

7.นักเตะคู่แข่งน่าสนใจ

มาดูนักเตะที่น่าสนใจของชาติคู่แข่งกันบ้าง มีนักเตะที่เล่นอยูไทยลีก 2 คน ก็คือ บาสเซล จราดี้ นักเตะทีมชาติเลบานอน ของทรู แบงค็อก และอีกคนคือ ฟรานส์ ปูโตรส นักเตะอิรักของการท่าเรือ นอกจากนี้ยังมีชื่อของ เรบิน สุลาก้า อดีตกองหลังบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ซีดาน อิกบัล อดีตดาวรุ่งทีมปีศาจแดง แมนฯ ยู ติดทีมมาด้วย ขณะที่อินเดีย ทั้งหมดมาจากลีกในประเทศ

8.โปรแกรมแข่งขัน

 

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 ซึ่งจะจัดขึ้นที่สนามสมโภช เชียงใหม่ 700 ปี โดยมี 4 ชาติเข้าร่วมแข่งขัน ประกอบไปด้วย ทีมชาติไทย (เจ้าภาพ), อิรัก, อินเดีย และ เลบานอน จะแข่งขันระหว่างวันที่ 7-10 กันยายนี้ โดยโปรแกรมการแข่งขันมีดังนี้

รอบรองชนะเลิศ แข่งขันในวันที่ 7 กันยายน 2566 รอบรองชนะเลิศ

  • เวลา 17.30 น. อิรัก พบ อินเดีย
  • เวลา 20.30 น. ไทย พบ เลบานอน

ส่วนรอบชิงอันดับ 3 และรอบชิงชนะเลิศ แข่งขันในวันที่ 10 กันยายน 2566

  • เวลา 17.30  น. Loser A vs Loser B
  • เวลา 20.30  น. Winner A vs Winner B

ถ่ายทอดสด ทาง ไทยรัฐ ทีวี และ AIS Play

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline