logo-heading

เรียกว่าเป็นข่าวดีของ ทีมชาติไทย ที่เตรียมได้กลับไปเล่นบนฟลอหญ้าของสนามราชมังคลากีฬาสถาน อีกครั้ง โดยจะเริ่มเกมแรกในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ที่จะพบกับ ทีมชาติจีน ช่วงระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 นี้ เช่นเดียวกับแฟนๆ ที่กำลังจะได้เข้าไปชมและเชียร์ในสนามแห่งนี้อีกครั้ง เนื่องจากอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร สามารถรับความจุผู้ชมได้มากถึง 51,552 คน

การคัมแบ็คสู่รังเหย้าแห่งนี้ ถือเป็นการกลับมาเล่นอีกครั้งในรอบ 5 ปี ซึ่งครั้งที่ล่าสุดที่ใช้งานต้องย้อนไปในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ปี 2018 ในเกมที่พบกับ ทีมชาติมาเลเซีย

สาเหตุที่ทัพ ช้างศึก ไม่ได้ใช้งานสนามราชมังฯ เป็นเวลานาน เนื่องจากว่าติดปัญหาในหลายๆ อย่างตั้งแต่ช่วง โควิด-19 การแข่งขันบางรายการต้องย้ายไปใช้สนามกลางในต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งการจองสนามอาจจะชนกันอีเว้นท์ต่างๆ ที่มีการจองเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

ด้วยสาเหตุเหล่านี้ทำให้แฟนชาวไทยส่วนมากถึงกับฉุนและมีการวิจารณ์กันสนั่นว่า “นี่คือสนามที่เอาไว้ใช้จัดกีฬา หรือเป็นสนามที่มีไว้แค่ใช้จัดคอนเสิร์ตกันแน่?”

ช้างศึก คัมแบ็ค ราชมังฯ จากบทเรียนที่ผ่านมา รับมือความพร้อมสนามได้แค่ไหน?

ต้องยอมรับว่าระยะหลังสนามราชมังคลากีฬาสถาน มีการจัดคอนเสิร์ตศิลปินระดับโลกตลอดเรื่อยมา กระทั่งมาถึงช่วงเดือนกลางเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา สนามแห่งนี้ได้กลับมาใช้แข่งขันฟุตบอลอีกครั้ง โดยเชิญทีมดังของพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่าง “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาอุ่นเครื่องกับ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตามเกมนี้ได้ถูกยกเลิกการแข่งขันไป เนื่องจากสนามมีฝนโปรยลงมาอย่างหนัก ทำให้น้ำท่วมพื้นสนาม และไม่สามารถใช้งานได้

แน่นอนเกมอุ่นเครื่องไม่เกิดขึ้น ทำให้เกิดกระแสโจมตีจากฝ่ายต่างๆ ไปยังฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมไปถึงเจ้าของสนามนั่นก็คือ การกีฬาแห่งประเทศไทย ถึงการดำเนินการเตรียมความพร้อมสนามตลอดช่วงที่ผ่านมา มีการมีการจัดการหรือปรับปรุงไปมากแค่ไหน อีกทั้งแฟนบอล-สื่อมวลชนไม่ได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอ โดยรอบสนามมีความชำรุดทรุดโทรมอยู่หลายจุด ที่จอดรถเป็นหลุมบ่อ มืดเปลี่ยว มีน้ำท่วมขัง และอื่นๆ อีกมากมาย

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนาย ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย บวกกับทั้งสองสโมสรคำนึงถึงความปลอดภัยของนักกีฬา และยังยืนยันว่าสนามแข่งมีการปรับปรุงซ่อมบำรุงส่วนต่างๆ ทุกปี และมีแนวคิดดึงหน่วยงานเอกชนมาร่วมลงทุนปรับปรุงสนาม ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณที่มหาศาลกว่า 100 ล้านบาท และอาจพุ่งไปถึง 10,000 ล้านบาท

เมื่อต้นเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ก่อนพักเบรคช่วงฟีฟ่าเดย์ นาย ก้องศักด ได้เดินทางไปยังสนาม ซัปโปโร โดม ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสนามเหย้าของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ที่มี สุภโชค สารชาติ นักเตะชาวไทยค้าแข้งอยู่ ไปดูงานการจัดการสนามแข่งขันเพื่อนำมาปรับปรุงใช้กับราชมังฯ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจัดการแข่งขันศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย

ช้างศึก คัมแบ็ค ราชมังฯ จากบทเรียนที่ผ่านมา รับมือความพร้อมสนามได้แค่ไหน?

จากวันที่ไม่ได้จัดบอลกระชับมิตร กำลังจะถึงช่วงใกล้ๆ วันที่ 16 พฤศจิกายน วันที่ ทีมชาติไทย กำลังจะกลับมาใช้สนามราชมังฯ จะเกิดคำถามต่างๆ ถึงความคืบหน้า มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง หากว่าไม่แตกต่างจากในรอบที่ผ่านมา เชื่อว่าจะเกิดกระแสการโจมตีแรงกดดันก็จะกลับมาอีกครั้ง

ท้ายที่สุดก็เอาใจช่วยและหวังว่าการแข่งขันที่จะมาถึงนี้ดำเนินการไปอย่างราบรื่น โดยที่ไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนกับที่ผ่านมาซ้ำเป็นครั้งที่สอง และสามารถแก้ไขปัญหาที่อาจจะมาโดยไม่คาดคิด เนื่องจากทุกอย่างเป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย มิเช่นนั้นอาจส่งผลต่อการรับหน้าเสื่อการจัดการแข่งขันต่าง ๆ ในอนาคตได้

CHUNKA

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline