ตลอดช่วงเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมาชื่อของ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว เริ่มคุ้นหูและเป็นที่รู้จักต่อแฟนฟุตบอลชาวไทยมากขึ้น รวมไปถึงถูกยกเป็นนักเตะวันเดอร์คิดส์ที่น่าจับตามองในวงการฟุตบอลไทยที่ได้โอกาสขึ้นมาเฉิดฉายในระดับลีกสูงสุดของไทย รวมไปถึงระดับทีมชาติตั้งแต่อายุยังน้อย
ลีลาสไตล์การเล่นอันพราวพราวดึงดูดสายตา มีการวางบอลจ่ายบอลที่แม่นยำอันเป็นเครื่องหมายการค้าเฉพาะตัว เริ่มสร้างชื่อตั้งแต่ในวงการลูกหนังขาสั้นมาถึงระดับชุดใหญ่ของสโมสร ติดทีมชาติไทยชุดต่างๆ จนถึงทีมทีมชาติไทยชุดใหญ่ เรียกว่าเจ้าตัวผ่านการพิสูจน์ฝีเท้าบนเวทีต่างๆ มาแล้วมากมาย
เส้นทางชีวิตของเขากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้น่าสนใจมากแค่ไหน ทีมงานขอบสนามบอลไทย จะพาแฟนๆ มารู้จักกับเขาให้มากขึ้น
ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว หรือ “หนึ่ง” เกิดเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นคนชาวจังหวัดยโสธรมาตั้งแต่กำเนิด ในสมัยยังเป็นเด็ก “เจ้าหนึ่ง” ถูกแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรค "ธาลัสซีเมีย" ซึ่งถูกถ่ายทอดมาจากพันธุกรรม โดยแพทย์ได้แนะนำหนทางรักษาเพื่อที่จะให้อาการหายขาดนั่นคือการออกกำลังกาย
ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งไม่ย่อท้อของเขา จึงเลือกเดินเส้นทางสายกีฬา เล่นกีฬาต่าง ๆ ทั้ง ว่ายน้ำ, แบตมินตัน รวมถึงชนิดอื่น ๆ ด้วย โดยที่ครอบครัวคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ หลังจากที่รู้จักกับกีฬาหลายรูปแบบจนมาถึงวันที่ได้พบกับ “ฟุตบอล”
ชาญณรงค์ เริ่มรู้จักการเล่นฟุตบอลมากขึ้น จึงสมัครเข้าชมรมฟุตบอลของ ร.ร.บุรารักษ์ โดยมี อ.ธีรวัฒน์ ชูคำ คือผู้ที่ถ่ายทอดสอนศาสตร์ลูกหนังให้แก่ตัวเขา และจากนั้นก็เล่นตลอดเรื่อยมา ทำให้อาการป่วยดีขึ้นตามลำดับและสามารถเอาชนะกับโรค ธาลัสซีเมีย ได้ในที่สุด ด้วยการใช้กีฬาฟุตบอลบำบัด
หลังจากอาการของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว "หนึ่ง" ก็ยังคงสนุกเอ็นจอยกับกีฬาลูกหนังไม่ว่าจะมีรายการแข่งขันที่ไหนก็จะรวมทีมเดินสายไปแข่งขันกับเพื่อน ๆ มีความใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ ฝีเท้าของเขาในวัย 10 ขวบ เกิดไปสะดุดต่อทีมแมวมองของ เมืองทอง ยูไนเต็ด จึงถูกชักชวนไปคัดตัวในชุด U11 และก็เป็นผู้ถูกเลือกเข้าสู่ทีมอคาเดมี่ ได้รับสัญญาเป็นเวลา 5 ปีด้วยกัน โดยมี คาร์ลอส รูบิโอ ซานเชซ โค้ชชาวสเปนคือผู้ที่เห็นแววและพรสวรรค์ จึงมอบโอกาสให้กับเขา
ชาญณรงค์ ลงเล่นทั้งในนามของโรงเรียนโพธิ์นิมิตรวิทยาคม รวมถึง เมืองทอง ยูไนเต็ด อคาเดมี่ ลงแข่งขันในรายการต่าง ๆ เคยพาทีมคว้าแชมป์ได้ในไพร์มมินิสเตอร์คัพรุ่น 12 ปี จ.สมุทรปราการ จากนั้นเขาอยู่ในรั้งของ “กิเลนผยองจูเนียร์” จนครบสัญญา อีกหนึ่งจุดสำคัญของชีวิตก็มาถึงคือการตัดสินใจย้ายมาร่วมทัพ ชลบุรี เอฟซี อคาเดมี่ และลงเล่นในนามโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
โค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล ประธานอคาเดมี่ ฉลามชล เล็งเห็นศักยภาพของเขา จึงนำไปปั้นขัดเกลาต่อ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มโด่งดังเรื่อยๆ ในวงการฟุตบอลขาสั้น ทั้งในรายการ กรมพลศึกษา 18 ปี ประเภท ก. รวมถึง ฟุตบอลแชมป์กีฬา 7 สี และติดทีมชาติไทยในระดับเยาวชนทั้งในรุ่น U17, U19, U23
"หนึ่ง" กลายเป็นดาวรุ่งที่มีฝีเท้าน่าจับตามองทันที มีจุดเด่นในการเล่นตำแหน่งริมเส้น แนวรุกตัวรุก มีความคล่องตัว ยึดตำแหน่งเป็นกำลังหลักของทีม ชลบุรี เอฟซี บี ที่ส่งเล่นในรายการ ไทยลีก 4 และได้รับโอกาสในการขึ้นสู่ทีม “ฉลามชล” ชุดใหญ่ ช่วงฤดูกาล 2018 ด้วยวัยเพียง 16 ปี พร้อมกับรับสัญญาอาชีพฉบับแรกในชีวิตกับ ฉลามชล
เส้นทางนักเตะอาชีพของ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว กำลังไปได้สวย จากนั้น คาร์ลอส รูบิโอ ซานเชซ อดีตโค้ชทีมเยาวชนเมืองทองคนที่ปลุกปั้นมา ชักชวนให้ไปทดสอบฝีเท้ากับ อัลกอร์กอน ซึ่งเป็นทีมที่เขาทำงานอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้รับการเซ็นสัญญาแต่อย่างใด กระทั่งสโมสร ยูนิโอน อดาร์เบ ในลีก้า 4 สเปน จัดการคว้าตัวเขาแทนด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล ถือเป็นนักเตะไทยคนที่สองที่ได้มีโอกาสไปค้าแข้งในสเปนถัดจาก ธีรศิลป์ แดงดา ที่เคยอยู่กับ ยูดี อัลเมเรีย ในลาลีก้า สเปน
หลังจากหมดสัญญายืมตัวกับ ยูนิโอน อดาร์เบ "หนึ่ง" กลับมาค้าแข้งกับ ชลบุรี เอฟซี อีกครั้ง โดยมีพัฒนาการขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสภาพร่างกาย ประสบการณ์ และทักษะตัวเอง สามารถก้าวมาเป็นหนึ่งในกำลังหลัก ฉลามชล ทันที ทำให้ มาโน่ โพลกิ้ง เฮดโค้ชทีมชาติไทย เรียกเข้าไปชุดใหญ่ครั้งแรกในศึกคิงส์ คัพ 2022 ที่ จ.เชียงใหม่ และลงสนามนัดแรกด้วยการออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงเกมที่เอาชนะ ตริแดด แอนด์ โตเบโก 3-1 และยิงได้ 1 ประตู กับทำ 1 แอสซิสต์ ถือว่าเป็นเดบิวต์ในฝันของเขาอย่างแท้จริง
ชาญณรงค์ ได้รับโอกาสลงสนามกับทัพ ช้างศึก ต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทั้งในฐานะตัวจริงและตัวสำรอง โดยลงสนามให้กับชุดใหญ่ไปแล้วรวมทั้งหมด 10 เกม ยิง 1 ทำ 2 แอสซิสต์ และเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งมีรายชื่อทีมชาติไทย U23 ชุดล่าสุดในศึก U23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก รับบทบาทสวมปลอกแขนกัปตันทีม เป็นหัวใจสำคัญในตำแหน่งกองกลาง และมีส่วนพาทีมจบด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่มคว้าตั๋วไปลุยรอบสุดท้ายที่ประเทศกาตาร์ได้สำเร็จ
จากที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กที่มีโรคติดต่อทางพันธุกรรมแล้วต้องกินยารักษาเป็นประจำ อย่างไรก็ตามด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง ทำให้เขาสู้จนเอาชนะจากโรคนี้ได้ และส่วนตัวมีศาสนาคริสต์เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมาตลอด เชื่อว่าพระเจ้าได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขาคือการได้โลดแล่นบนเส้นทางลูกหนัง และสามารถก้าวขึ้นไปติดทีมชาติไทยได้สำเร็จ
CHUNKA