logo-heading

จบไปเรียบร้อยกับเกมนัดเปิดสนามของศึกฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2023/24 ซึ่งปีนี้มีสโมสรจากไทยได้ผ่านเข้าไปฟาดแข้งถึงสามทีมด้วยกัน ประกอบไปด้วยบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฐานะแชมป์ไทยลีก, ทรู แบงค็อก อันดับ 2 ไทยลีก ที่ไปแทนที่แชมป์เอฟเอ คัพ เพราะบุรีรัมย์เขาเหมาทุกแชมป์ และอีกทีมคือ บีจี ปทุมฯ ที่ผ่านมาจากรอบเพลย์ออฟ

ฟุตบอลเอซีแอล ฤดูกาลนี้ ถือเป็นการกลับมาเตะแบบเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลัง 2-3 ปีที่ผ่านมาต้องเตะแบบพิเศษเนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้การแข่งขันไม่ค่อยเข้าข้นเท่าไหร่ บวกกับปีนี้ในโซนตะวันตกพวกทีมอาหรับ โดยเฉพาะทีมซาอุฯ มีซุปตาร์มาลงเตะถ้วยนี้กันอย่างคับคั่งทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ซาดิโอ มาเน่, คาริม เบนเซม่า, เนย์มาร์, ก็องเต้ และอีกเพียบ

ทำให้ความน่าสนใจของฟุตบอลถ้วยใหญ่สโมสรเอเชีย มีความคึกคักน่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ

กลับมาที่ตัวแทนสโมสรของไทยทั้ง 3 ทีม ก็ได้ลงประเดิมสนามนัดแรกกันไปเรียบร้อย มี 2 ทีม ที่เก็บชัยชนะได้ นั่นคือ บุรีรัมย์ และ แบงค็อก ขณะที่ บีจี บุกไปพ่ายคู่แข่งในเกมแรก เรามาว่ากันถึงผลงานของแต่ละทีมกันดีกว่า

บีจี ปทุมฯ บุกพ่ายอุลซาน ฮุนได 3-1

เริ่มกันที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ถือว่าโปรแกรมหนักสุดในบรรดาสามทีม พวกเขาต้องยกพลไปเยือนจ่าฝูงศึกเคลีกในเวลานี้อย่าง อุลซาน ฮุนได และเป็นทีมเต็งของกลุ่มนี้ด้วย เกมโดยรวมถือว่าโอเค โดยเฉพาะครึ่งแรกสู้ได้ดีเลย แต่ก่อนจะไปว่าพึงรูปเกม ขอพูดถึงสภาพสนามของจ่าฝูงเคลีก หน่อยว่าเละเทะมาก พื้นสนามนี่ไม่ได้เลย ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงปล่อยให้เละเทะขนาดนั้น

กลับมาที่รูปเกมครึ่งแรกบีจีทำได้ดี มีจังหวะสวนกลับน่ากลัวหลายครั้ง ซึ่งก็มาตามตีเสมอได้ 1-1 ใน 45 นาทีแรก แต่พอมาครึ่งหลังก็เจอทีเด็ด มาร์ติน อดัม ซัดแฮตทริกเข้าไป

จุดอ่อนในเกมนี้ของบีจี ก็คือเรื่องพละกำลังและความเด็ดขาดที่สู้เจ้าถิ่นไม่ได้ จริงๆ ถ้าคมกว่านี้ อิกอร์ เซอร์เกเยฟ น่าจะยิงได้ 1-2 ประตู

แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าสู้ไม่ไหว ก่อนจะพ่ายไปในที่สุด ไม่มีแต้มติดไม่ติดมือกลับบ้าน ซึ่งบีจี ยังมีเกมหนักอีก 2 เกม โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านรับมือ ยะโฮร์ ดารุล ทักซิม จากมาเลเซีย วันที่ 3 ตุลาคมนี้ แม้จะเป็นทีมเพื่อนบ้าน แต่ก็ประมาทไม่ได้ ส่วนอีกเกมจะต้องเจอกับ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ทีมเก่าของเมสซี่เจ บอกเลยว่าหนักมากๆ กับ ACL ปีนี้ของเดอะแรบบิท

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชนะ เจ้อเจียง เอฟซี 4-1

มาต่อกันที่แชมป์ไทยลีกอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมที่มีประสบการณ์มากที่สุดในรายการนี้ของไทย พวกเขาเปิดบ้านต้อนชนะเจ้อเจียง ทีมที่เขี่ยการท่าเรือ ตกรอบเพลย์ออฟมา แบบสบายๆ 4-1 ซึ่งเกมก็จบตั้งแต่ครึ่งแรกที่เซราะกราวนำ 3-1 ก่อนจะมาบวกประตูที่ 4 ในครึ่งหลัง เกมนี้เจ้าถิ่นก็เรียงหน้ายิงทั้ง ดุมบูญ่า, เคาซิซ 2 ลูก และ พรรษา 

ผลการแข่งขันที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด เพราะทีมจากจีนชั่วโมงนี้เอาตามตรงไม่ได้ดีกว่าทีมจากไทยเหมือนแต่ก่อน โดยเฉพาะนักเตะจีนบอกเลยว่าเฉยๆ มาก แล้วพอต่างชาติลงได้ 5+1 ซึ่งชัดเจนว่าคุณภาพของผู้เล่นบุรีรัมย์ นั้นเหนือกว่าเยอะ ก็เอาชนะไปได้แบบไม่ระบบหัวแม่เท้าสักเท่าไหร่

แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือช่วงท้ายๆ เกมก็ดูว่านักเตะบุรีรัมย์ มีหมดไปเหมือนกัน ซึ่งมันก็จะส่งผลระยะยาว ถ้าต้องลงเตะต่อเรื่องทั้งบอลลีก บอลถ้วยเอเชียแบบนี้จะมียวบหรือเปล่า

โดยนัดต่อไปแชมป์เซราะกราวจะต้องออกไปเยือน เวนฟอร์เรท โคฟู ทีมระดับเจลีก 2 ที่จับพลัดจับผลูได้แชมป์บอลถ้วยมาเลยได้มาเตะรายการนี้ วันที่ 4 ตุลาคม แต่กระนั้นก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะมาตรฐานทีมญี่ปุ่นก็ดีกว่าไทยอยู่แล้ว แต่บุรีรัมย์ก็มีโอกาสบุกไปเก็บสามแต้มได้เช่นกัน

ทรู แบงค็อก บุกชนะ ไลอ้อน ซิตี้ 2-1

ปิดท้ายกันที่ทรู แบงค็อก ที่ก็งานไม่หนักเท่าไหร่ ออกไปเยือนไลอ้อน ซิตี้ ที่สิงคโปร์ ซึ่งก่อนเกมคิดว่าจ่าฝูงไทยลีกตอนนี้จะบุกไปเอาชนะได้ง่ายๆ แต่เกมนี้สิงโตก็มีติดคอเหมือนกัน เพราะบียู โดนออกนำไปก่อนในครึ่งแรก 1-0 ก็คิดว่าเกมนี้คงเหนื่อยแน่ๆ เพราะครึ่งแรกโอกาสยิงก็ยังไม่เยอะเท่าไหร่

แต่โชคดีที่คึ่งหลังมาได้ประตูตีเสมอเร็วจากเอเวอร์ตัน ก่อนที่ประตูชัยสุดสวยของ ฐิติพันธ์ พ้วงจันทร์ จะตามมาติดๆ ใน 10 นาทีต่อมา พอเห็นลูกยิงของเจ้านิวแล้วก็ได้แต่เกิดคำามในใจว่าไม่ยิงให้ทีมชาติแบบนี้มั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าฟอร์มของ ฐิติพันธ์ กับบียูในฤดูกาลนี้ดีจริงๆ

เกมนี้แม้จะดูอึดอัดไปหน่อยสำหรับบียู อาจจะเพราะด้วยเป็นการลงเตะถ้วยนี้รอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรก แถมมาเล่นเป็นทีมเยือน และเจอสนามหญ้าเทียมอีก แต่ก็ยังดีที่สุดท้ายเอาตัวรอดไปได้ และเก็บสามแต้มแรกประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ

โดยโปรแกรมนัดที่สองของบียู จะเจอของแข็ง เพราะต้องรับมือ ชุนบุค ฮุนได ทีมแกร่งจากเกาหลีใต้ วันที่ 4 ตุลาคม แต่ก็ยังดีที่ได้เล่นในบ้าน ก็น่าจะไม่เป็นรองมาก อีกทั้งโค้ชแบนก็มีประสบการณ์ในถ้วยนี้พอสมควร

ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นผลงานในเกมแรกของสามทีมจากประเทศไทยในถ้วยเอเชีย เพิ่งผ่านไปนัดเดียว หนทางยังอีกยาวไกล รอบแรกมีอีก 5 นัดให้ลงเตะ ซึ่งก็าลุ้นกันว่าปีนี้จะมีทีมจากไทยได้หลุดเข้าไปรอบน็อคเอาท์ได้กี่ทีม

#ชิชาริเต่า

 

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline