logo-heading

ยังคงมีดราม่าออกมาต่อเนื่องสำหรับทีมชาติไทย ในการเดินทางไปอุ่นเครื่องที่ยุโรปครั้งนี้ หลังจากที่เกมแรกบุกไปพ่ายจอร์เจีย 8-0 เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา และเกมต่อไปจะพบกับเอสโตเนีย 17 ต.ค.นี้

โดยประเด็นดราม่าอยู่ที่เรื่องของการเดินทางจากจอร์เจีย ไปยังประเทศเอสโตเนียของแข้งช้างศึก เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเดินทางถึง วันที่ 14 ต.ค.66 โดยนักเตะต้องเดินทางอย่างทรหดกว่า 10 ชั่วโมง เพราะต้องนั่งเครื่องจากจอร์เจียไปลงที่ลัตเวีย ก่อนจะต่อรถบัสเข้าเอสโตเนีย แถมมีรายงานว่าระหว่างนั่งรถบัสนั้นไม่มีอาหาร หรือจอดแวะรับประทานอาหารกลางทางแต่อย่างใด ทำให้นักกีฬาหิวและต้องขอแวะซื้อฟาสฟู้ดข้างทางกินกันเอง

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องขากลับอีกว่าหลังจบแมตช์ที่ไทยพบกับเอสโตเนียแล้ว นักเตะจะต้องนั่งเรือจากเอสโตเนีย ไปลงที่ฟินแลนด์ เพื่อบินไปที่โดฮา ประเทศกาตาร์ แล้วก็ต้องเครื่องกลับประเทศไทย ซึ่งดูแล้วเป็นการเดินทางที่แสนลำบาก

อย่างไรก็ดีเรื่องนี้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ออกมาชี้แจงแล้ว โดยมีการเปิดเผยจากกีฬาเดลินิวส์ ว่า "ผู้สื่อข่าวสอบถามเจ้าหน้าที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้รับข้อมูลว่า สำหรับการเดินทางจากจอร์เจีย ไป เอสโตเนีย นั้น ไม่มีไฟลท์บินตรง เพราะน่านฟ้ายูเครนปิด ซึ่งทางทีมไทย ทำตามคำแนะนำของเอสโตเนีย คือ บินลงลัตเวีย โดยที่สมาคมฟุตบอลเอสโตเนีย เอารถบัสและรถขนของสัมภาระไปรอรับที่สนามบินและขับพาไปส่งที่โรงแรมโดยตรง ซึ่งเมื่ออยู่บนรถบัสแล้ว การเดินทางจากลัตเวียเข้าประเทศเอสโตเนียไม่ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เพราะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตรวจพาสปอร์ตระหว่างทางบนรถบัส ทำให้นักฟุตบอลไม่ต้องเสียเวลา

ทั้งนี้ หากจะต่อเครื่องจากลัตเวียไปเอสโตเนีย แม้สามารถทำได้ แต่ต้องรอเปลี่ยนเครื่องประมาณ 6 ชม. และนักฟุตบอลต้องทำการตรวจพาสปอร์ต 2 รอบ ทั้งขาเข้าลัตเวียและออกลัตเวีย ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ต้องขนสัมภาระออกและเช็คอินใหม่ ซึ่งนับดูแล้วจะใช้เวลานาน อีกทั้งเป็นคณะใหญ่ จึงมีความยุ่งยากมากกว่าเดินทางส่วนตัว

ส่วนกรณีที่ ขากลับเอสโตเนีย มาไทย ต้องนั่งเรือไปฟินแลนด์ บินสู่กาตาร์ แล้วค่อยบินกลับไทยนั้น เพราะไม่มีบินตรงจากเอสโตเนียไปกรุงโดฮา ฉะนั้นหากจะเดินทางโดยเครื่องบินจะต้องย้อนไป ลัตเวีย อีก จะใช้เวลานานกว่าจะผ่านแต่ละด่าน นั่งรอต่อเครื่องหลายชั่วโมง และที่สำคัญคือไม่มีสายการบินเดียวกันหรือพันธมิตร ฉะนั้นในทุกครั้งที่เปลี่ยนเครื่องจะต้องเช็คอินสัมภาระใหม่ ดังนั้นจึงประเมินว่า การนั่งเรือจากเอสโตเนียไปฟินแลนด์ เพื่อขึ้นเครื่องที่ฟินแลนด์ต่อไปยังโดฮา เป็นวิธีที่ใช้เวลาน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตามจากการที่มีประเด็นเกิดขึ้นอาจเป็นเพราะการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่สมาคมฯ กับนักฟุตบอล ที่ไม่มีการแจ้งรายละเอียดให้รับทราบล่วงหน้า ทำให้ไม่มีใครรู้โปรแกรมที่แน่ชัด

สำหรับโปรแกรมการอุ่นเครื่องระหว่างทีมชาติไทย พบ เอสโตเนีย จะลงสนามกันในคืนวันอังคารที่ 17 ตุลาคมนี้ เวลา 23.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ที่สนามอา เลอ ค็อก อารีนา (ไทยรัฐทีวี ถ่ายทอดสด)

ขอบคุณข้อมูลข่าวจากกีฬาเดลินิวส์ : แจงเหตุผล ‘ช้างศึก’ ทัวร์ยุโรปสุดโหด ทั้งเครื่องบิน-รถบัส-ล่องเรือ 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline