logo-heading

ศึกฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ 2023 เข้าสู่การแข่งขันในนัดที่ 2 ของรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งทีมชาติไทยของเรา ลงสนามไปแล้ว 1 เกม เอาชนะ คีร์กีซสถาน 2-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ 16 ม.ค.67 ที่ผ่านมา นำเป็นจ่าฝูงในกลุ่ม F อยู่ในเวลานี้ โดยมี 3 แต้มเท่ากับ ซาอุดิอาระเบีย และยังเหลือโปรแกรมอีก 2 นัด พบกับโอมาน วันที่ 21 ม.ค.67 และนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม พบ ซาอุฯ ในวันที่ 25 ม.ค.นี้

การที่ทีมช้างศึก ประเดิมคว้าสามแต้มได้ในเกมแรก ทำให้มีโอกาสสูงที่จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป อย่างน้อยๆ ก็มีลุ้นเป็นอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 4 จาก 6 ทีม หากสองเกมที่เหลือเก็บได้อย่างน้อยอีก 1 คะแนน โอกาสเข้ารอบก็ถือว่าสดใส และมีลุ้นจบที่ 2 ของกลุ่มได้เลย แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับผลการแข่งขัน โอกาสตกรอบก็ยังมีความเป็นไปได้

สิ่งที่แฟนบอลหลายคนให้ความสนใจก็คือ สมมติถ้าทีมชาติไทยเข้ารอบต่อไป ไม่ว่าจะในฐานะทีมอันดับ 1 อันดับ 2 หรือ 3 ก็ตาม เรามีโอกาสจะไปเจอคู่แข่งเป็นใครได้บ้าง เราลองไปเช็กสายแข่งขันที่ถูกวางไว้แล้ว เป็นอย่างไรกันบ้าง

ถ้าเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม F จะเข้าไปพบกับ อันดับ 2 ของกลุ่ม E ประกอบไปด้วย เกาหลีใต้, จอร์แดน, บาห์เรน และ มาเลเซีย (โอกาสเป็นไปได้มากสุดคือ จอร์แดน หรือ บาห์เรน)

ถ้าเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม F จะเข้าไปพบกับ อันดับ 2 กลุ่ม B ประกอบไปด้วย ออสเตรเลีย, อุซเบกิสถาน, ซีเรีย และ อินเดีย (โอกาสเป็นไปได้มากสุดคือ อุซเบฯ หรือ ซีเรีย หรืออาจจะออสซี่)

ถ้าเข้ารอบเป็นที่ 3 ของกลุ่ม F จะเข้าไปพบกับ อันดับ 1 กลุ่ม C หรือ D โดย กลุ่ม C มี อิหร่าน กับ ยูเออี เป็นเต็งแชมป์กลุ่ม ขณะที่กลุ่ม D มีญี่ปุ่น เป็นเต็งแชมป์กลุ่ม 

สำหรับโปรแกรมสองนัดที่เหลือของทีมชาติไทย ในรอบแบ่งกลุ่ม มีดังนี้

  • 21 มกราคม 2567 โอมาน พบ ทีมชาติไทย เวลา 21.30 น.(ตามเวลาประเทศไทย) ณ อับดุลลาห์ บิน คอลิฟา สเตเดียม
  • 25 มกราคม 2567 ซาอุดีอาระเบีย พบ ทีมชาติไทย เวลา 22.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ณ เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดียม

โดยทุกนัดจะถ่ายทอดสดทาง PPTV HD ช่อง 36 และ T-Sports 7

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline