ทีมชาติไทย ลงสนามในศึกเอเชี่ยน คัพ 2023 ไปแล้ว 2 นัด เก็บได้ 4 คะแนน ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดตั้งแต่เราเข้าร่วมในศึกเอเชี่ยน คัพ มาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 และจากการคว้า 4 แต้มนี้ ทำให้เราน่าจะเข้ารอบได้อย่างแน่นอนแล้ว
ส่วนทีมชาติไทยจะจบอันดับที่เท่าไหร่ของกลุ่มเอฟ ต้องรอเกมตัดสินกับซาอุดิอาระเบีย ในเกมนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม วันพฤหัสบดีนี้
อย่างที่บอกว่าเอเชี่ยน คัพ ครั้งนี้ ทำให้แฟนบอลไทย กลับมามีความหวัง และมีความสุขกับผลงานของทัพช้างศึกอีกครั้ง หลังจากที่เราได้แต่แชมป์อาเซียน แล้วก็ผลงานลุ่มๆ ดอนๆ มาโดยตลอด แต่พอมาในทัวร์นาเม้นท์เมเจอร์แบบนี้ทำผลงานได้ดี อะไรๆ ก็ดูดีขึ้นมา โดยเฉพาะกระแสของทีมชาติไทย
ซึ่งไม่เพียงเฉพาะเรื่องผลงานที่น่ายินดีเท่านั้น หากแต่ว่าในเอเชี่ยน คัพ ครั้งนี้ ทีมชาติไทย ของเรายังคงสร้างสถิติที่น่าสนใจขึ้นมาหลายสถิติด้วยกัน มีสถิติอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไปดูกันเลยครับ
1.คว้าชัยชนะเกมเปิดสนามครั้งแรก
ย้อนกลับไปเกมแรกที่เราเอาชนะ คีร์กีซสถาน 2-0 ถือเป็นการคว้าสามแต้มในนัดเปิดสนามเอเชี่ยน คัพ ของทีมชาติไทย ครั้งแรกในรอบ 52 ปี ตั้งแต่ปี 1972 ที่เราเข้าร่วมศึกชิงแชมป์เอเชีย เป็นครั้งแรก นอกนั้น 7 ครั้งในเกมนัดเปิดสนาม เราแพ้ไป 5 และเสมอ 2 นัด
2.ไม่แพ้ 2 เกมติด พร้อมคลีนชีต
ต่อเนื่องมาถึงเกมนัดที่ 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่เราเสมอกับ โอมาน 0-0 ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ทีมชาติไทย ลงสนาม 2 นัด แล้วไม่พบกับความปราชัย แถมยังเป็นการเก็บคลีนชีตไม่เสียประตู ในสองเกมแรกเป็นครั้งแรกอีกด้วย ต้องชื่นชมเกมรับของทัพช้างศึก ที่เล่นกันได้อย่างมีวินัย และช่วยกันได้ดีมาก และการได้ 4 แต้มในสองเกมแรก ถือถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดในสองเกมแรกของทีมชาติไทย ในเอเชี่ยน คัพ ด้วย
3.ศุภชัย ยิง 2 ประตู นัดเปิด
เกมนัดแรกกับ คีร์กีซสถาน ศุภชัย ใจเด็ด คือฮีโร่ ที่ยิงคนเดียวสองประตูในเกมนั้น ซึ่งถือเป็นนักเตะไทยคนแรก ที่ยิงนัดเปิดสนามได้ 2 ประตู โดยก่อนหน้านี้ไม่มีใครทำได้ และ ศุภชัย ใจเด็ด เองถือเป็นนักเตะไทยคน ที่ 3 ที่ยิงได้สองประตูในเกมเดียว ต่อจาก ประพนธ์ ตันตริยานนท์ ที่เคยทำได้ในปี 1972 เกมที่ไทยแพ้ อิหร่าน 2-3 อีกคนคือ พิพัฒน์ ต้นกันยา ที่ทำได้ในปี 2007 ที่ไทยชนะโอมาน 2-0 นอกจากนี้ ศุภชัย ใจเด็ด ยังทำถิติเป็นนักเตะไทยที่ยิงประตูมากที่สุดในเอเชี่ยน คัพ 3 ประตู เท่ากับ ประพนธ์ ตันตริยานนท์ ด้วย หากเจ้าอาร์ม ยิงเพิ่มได้อีก 1 ประตูจะกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดทีมชาติไทย ในเอเชี่ยน คัพ เลยทีเดียว
4.ธีราทร เล่นให้ทีมชาติครบ 100 นัด
อีกสถิติที่เกิดขึ้นในเอเชี่ยน คัพ ครั้งนี้ นั่นก็คือ “กัปตันอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ที่ลงสนามครบ 100 นัดให้กับทีมชาติไทย ในเกมล่าสุดที่เราเสมอกับ โอมาน ซึ่งเป็นเกมที่หนึ่งร้อยถ้วนของ ธีราทร ในการรับใช้ทีมชาติ และเป็นนักเตะคนที่ 6 ของทีมช้างศึก ที่ลงสนามครบ 100 นัด ต่อจาก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ตะวัน ศรีปาน, ดัสกร ทองเหลา และ ธีรศิลป์ แดงดา
5. อิชิอิ โค้ชต่างชาติคนแรกพาไทยเข้ารอบ
มาซาทาดะ อิชิอิ กลายเป็นคนต่างชาติคนแรกของทีมชาติไทย ที่พาทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ โดยก่อนหน้านี้เราเคยผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้เพียงครั้งเดียวคือเมื่อปี 2019 ที่ยูเออี ซึ่งเป็น “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย กุนซือชาวไทย ที่มารับงานขัดตาทัพแทนที่ของ มิโลวาน ราเยวัช ที่ถูกปลดหลังไทยแพ้เกมแรกต่ออินเดีย 4-1 จากนั้นโค้ชโต่ยคุมทีมแทนและสามารถพาทีมผ่านเข้ารอบได้เป็นประวัติศาสตร์ โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ด้วยฝีมือของโค้ชจากแดนอาทิตย์อุทัย อย่าง อิชิอิ
สถิติ 5 ข้อที่กล่าวมาเป็นสถิติที่เกิดขึ้นไปแล้วใน 2 เกมแรกที่เราลงสนาม ยังมีสถิติที่น่าสนใจและทีมชาติไทยอาจจะสร้างสถิติใหม่ขึ้นมาในอีก 2 เกมหลังจากนี้ ทั้งในเกมพบ ซาอุดิอาระเบีย ในนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม รวมทั้งเกมในรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วย สถิติที่ว่าก็คือ
1.ลุ้นเก็บแต้มมากสุดในรอบแบ่งกลุ่ม
ทีมช้างศึก มีลุ้นจะทำแต้มได้สูงที่สุดในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งที่ผ่านมาเราเคยทำได้สูงสุด 4 คะแนน เมื่อปี 2019 ในครั้งนี้เกมที่เราจะพบกับซาอุฯ หากได้อย่างน้อย 1 คะแนน เก็บเพิ่มเป็น 5 แต้ม จะเป็นการเก็บคะแนนได้มากที่สุดในรอบแรกของเอเชี่ยน คัพ และถ้าทำได้จริงๆ ก็จะเป็นครั้แรกที่เราไม่แพ้คู่แข่งเลยในรอบแรก และยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่เสียประตูด้วย ก็จะเป็นครั้งแรกที่เราเก็บคลีนชีตได้ทั้งสามนัด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอดูว่า ขุนพลช้างศึก จะทำได้หรือไม่ เพราะการพบกับ ซาอุดิอาระเบีย ถือว่าเป็นงานสุดหินของเราเหมือนกัน
2.มีลุ้นไปได้ไกลกว่ารอบ 16 ทีม
ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แม้จะยังไม่รู้ว่าเราจะเข้าไปพบกับใคร ซึ่งถ้าไปดูสายแข่งขันที่ถูกจัดเอาไว้ หากเราเข้าเป็นที่ 1 จะไปเจอที่ 2 สายอี ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง เกาหลีใต้, จอร์แดน หรือ บาห์เรน ซึ่งแนวโน้มมีความเป็นไปได้ที่จะเป็น จอร์แดน ถ้าพี่เกาไม่ไปสะดุดเกมพบมาเลเซีย และเข้าป้ายเป็นที่ 2 ซึ่งถ้าเกาหลีใต้เข้าเป็นที่สองก็ตัวใครตัวมัน
หรือถ้าเราเข้าเป็นที่ 2 ของกลุ่มจะไปเจอกับ อันดับ 2 กลุ่มบี ซึ่งมีทีมอย่าง ออสเตรเลีย, อุซเบกิสถาน และ ซีเรีย แต่ดูแล้วแนวโน้มน่าจะเป็น ออสซี่ หรือ อุซเบฯ ที่จะชิงแชมป์กลุ่มกัน ใครแพ้มาก็จะมาเจอกับไทย ถ้าเราเข้าเป็นที่สอง
ถือถ้าสุดท้ายเราดันพลาดเกมสุดท้าย แต่ยังโชคดีเข้ารอบเป็นที่สามของกลุ่ม เราก็จะไปเจอแชมป์กลุ่ม ซี คือ อิหร่าน หรือ แชมป์กลุ่มดี คือ อิรัก ไม่ว่าจะเจอใครก็หนักทั้งคู่ ดังนั้นเมื่อดูสายแข่งขันการเข้าป้ายเป็นที่ 1 หรือ 2 ของกลุ่มเอฟ น่าจะโอเคที่สุด
และถ้าคู่แข่งของเราในรอบต่อไปเป็นใจ ถ้าไม่เจอกับ เกาหลีใต้, อิหร่าน หรือ อิรัก สมมติว่าเจอ ออสเตรเลีย, อุซเบกิสถาน จะว่าไปก็หนักมิใช่น้อย แต่ถ้าเจอกับ จอร์แดน หรือ บาห์เรน ก็ต้องบอกว่ามีโอกาสที่เราจะทะลุเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกเช่นกัน
แต่ถึงอย่างไรอย่าเพิ่งมองไกล รอลุ้นเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มกับ ซาอุดิอาระเบีย วันที่ 25 มกราคมนี้ก่อน รอดูว่าเราสามารถต่อกรกับบิ๊กทีมอย่าง ซาอุฯ ได้ดีแค่ไหน และเราจะจบที่เท่าไหร่ของกลุ่มเอฟ จากนั้นค่อยมาว่ากันสำหรับเส้นทางในเอเชี่ยน คัพ 2023 ครั้งนี้ ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน