logo-heading

"ทัพช้างศึก" ทีมชาติไทย ที่กำลังจะได้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกเอเชี่ยน คัพ 2023 หลังทำผลงานได้ดีใน 2 นัดแรก รอบแย่งกลุ่ม ด้วยการชนะคีร์กีซสถาน 2-0 และเสมอกับ โอมาน 0-0 มีอยู่ 4 คะแนน ในเวลานี้ ซึ่งทางปฏิบัตินั้นทีมชาติไทยเข้ารอบแน่นอนแล้ว แต่ทางทษฎียังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ตอนนี้อยู่ที่ว่าจะจบอันดับที่เท่าไหร่ของกลุ่มเท่านั้น

โดยทีมชาติไทยมีโปรแกรมจะลงสนามนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม พบกับ ซาอุดิอาระเบีย ในวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคมนี้ ถ้าชนะจะคว้าแชมป์กลุ่ม แต่ถ้าแพ้มีโอกาสจบที่ 2 หรือที่ 3 ของกลุ่มเอฟ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ทัพช้างศึก ได้รับเงินรางวัลจากการแข่งขัน บวกกับเงินอัดฉีด ไปแล้วกว่า 11 ล้านบาท โดยมาจากเงินสนับสนุนของเอเอฟซี ที่มอบให้ทั้ง 24 ชาติที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 2 แสนเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 7 ล้านบาท รวมกับเงินอัดฉีดจาก "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมอีก 4 ล้านบาท ที่มอบให้ทีมชาติไทยแต้มละล้าน ทำให้ตอนนี้ก็มีเงินรางวัลในกระเป๋า 11 ล้านบาทด้วยกัน"

ทั้งนี้ทีมชาติไทยมีโอกาสเพิ่มเงินรางวัลเป็น 12 ล้านบาท หรือ 14 ล้านบาทได้ หากสามารถเสมอซาอุฯ (ได้อีก 1 ล้านบาท) หรือ ชนะซาอุฯ ได้ (รับ 3 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเงินอัดฉีดจากมาดามแป้ง ที่ให้แต้มละล้าน และถึงแม้จะแพ้ซาอุฯ แต่หากทีมสามารถผ่านเข้ารอบไปได้ อาจจะมีเงินอัดฉีดพิเศษอีกก้อนก็เป็นได้ ซึ่งก็ต้องมารอดูว่าท้ายที่สุดผลงานในเกมกับซาอุฯ จะเป็นอย่างไร

ส่วนเงินรางวัลสำหรับการแข่งขันเอเชียน คัพ 2023 ครั้งนี้ ทีมแชมป์จะได้รับ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 178 ล้านบาท, รองแชมป์ รับเงิน 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประาณ 106 ล้านบาท และถ้าตกรอบรองชนะเลิศ รับเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 35.6 ล้านบาท

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปของทีมชาติไทย จะลงสนามพบกับ ซาอุดิอาระเบีย เป็นเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม จะเล่นกันในคืนวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคมนี้ เวลา 22.00 น. ที่สนามเอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม ถ่ายทอดสดทาง T-Sports7 และ PPTV HD36

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline