logo-heading

เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้วที่ ทีมชาติไทย จะลงสนามในเกมสำคัญของศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 3 ซึ่งเรามีคิวจะต้องบุกไปเยือนทีมชาติเกาหลีใต้ ทีมอันดับ 22 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย ในเวลานี้ โดยจะลงสนามกันในวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคมนี้ ที่สนามโซล เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

และก่อนที่ทั้งคู่จะพบกันในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกัน

1.สถานการณ์ล่าสุดของทั้งสองทีม

สถานการณ์ของกลุ่ม C ที่ลงสนามไปแล้วทีมละ 2 นัด เกาหลีใต้ นำโด่งเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม มี 6 คะแนน เต็ม นัดแรกถล่ม สิงคโปร์ 5-0 และเกมล่าสุดบุกตบ จีน 3-0 ขณะที่ ไทย ของเรา เป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม มีอยู่ 3 คะแนน จากการชนะ 1 แพ้ 1 นัดแรกพ่ายคาบ้านให้จีน 1-2 และเกมล่าสุดบุกชนะ สิงคโปร์ 3-1 ส่วนอีก 2 ทีมในกลุ่มเดียวกัน ที่ 3 คือ จีน มีสามแคะแนนเท่ากับไทย แต่เราประตูได้เสียดีกว่า ขณะที่ สิงคโปร์ อยู่บ๊วยของกลุ่ม ยังไม่มีคะแนน 

2.อันดับโลกห่างกัน 80 อันดับ

ถ้าพูดถึงอันดับโลกของทั้งสองทีม จากการจัดอันดับล่าสุดของฟีฟ่า เกาหลีใต้ ตอนนี้รั้งอันดับที่ 22 ของโลก เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย ซึ่งอยู่ห่างจากไทยกว่า 79 อันดับ โดยเรานั้นเป็นอันดับที่ 101 ของโลก และเป็นอันดับที่ 17 ของเอเชีย ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าเราเป็นรองค่อนข้างมาก

3.เปลี่ยนโค้ชใหม่ทั้งคู่

ก่อนที่ทั้งสองทีมจะพบกันในนัดที่ 3 ของฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ปรากฎว่าทั้งคู่มีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือจาก 2 นัดก่อนทั้งสองทีม โดยทีมชาติไทย ของเรา ก็เปลี่ยนจาก มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือชาวเยอรมัน ที่คุมทีมสองเกมแรกมาเป็น มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น ที่ได้ประเดิมคุมทีมไปแล้วในเอเชี่ยน คัพ ที่ผ่านมา

ขณะที่ เกาหลีใต้ ก็ได้แยกทางกับ “เยอร์เก้น คลินส์มันน์” กุนซือชาวเยอรมัน ที่พาทีมตกรอบรองฯ เอเชี่ยน คัพ ด้วยการแพ้ให้กับ จอร์แดน ไปอย่างพลิกล็อค 2-0 และคนที่มารับงานต่อจาก คลินส์มันน์ ก็คือ ฮวาง ซุน ฮง กุนซือชาวเกาหลีใต้ วัย 55 ปี ที่ถูกดันขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ชั่วคราว โดยก่อนหน้านี้ ลุงฮง เป็นกุนซือทีมโสมขาวชุดอยู่ 23 อยู่ด้วยในปัจจุบัน โดยโค้ชชาวเกาหลีใต้รายนี้ มีสถิติที่ดีในการลงคุมทีมพบกับทีมจากไทย ทั้งกับสโมสร และทีมชาติชุดเยาวชนที่ผ่านมา ไม่เคยแพ้ทีมไทยมาก่อน ถือเป็นสถิติที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน

4.สถิติที่เคยพบกัน

มาดูกันที่สถิติที่ทั้งคุ่เคยพบกันบ้าง นับเฉพาะทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในเกมอย่างเป็นทางการที่มีการจดบันทึกเอาไว้ เคยพบกันทั้งหมด 72 ครั้ง ปรากฏว่าทีมช้างศึก เคยเอาชนะเกาหลีใต้ได้ 12 ครั้งด้วยกัน แพ้ไป 47 ครั้ง และเสมอกัน 13 ครั้ง สถิติถือว่าทีมพลังโสมข่มอยู่เยอะพอสมควร 

โดยเกมล่าสุดที่เราเอาชนะเกาหลีใต้ได้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 ในศึกเอเชี่ยน เกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ไทยเราเป็นเจ้าภาพ และถือเป็นแมตช์คลาสสิคแห่งความทรงจำที่ไทยเราเหลือ 9 คน และสามารถเอาชนะ เกาหลีใต้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ด้วยกฏโกลเด้นโกล จากลูกยิงไกลมุมแคบกว่าครึ่งสนามของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ซึ่งยังอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลชาวไทยทุกวันนี้ แต่หลังจากนั้นกว่า 25 ปี แล้วที่เราไม่ชนะเกาหลีใต้ แต่ก็แทบจะไม่ได้เจอกันด้วยเช่นกัน

5.เจอกันล่าสุด 2016

เกมล่าสุดที่ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ กับ เกาหลีใต้ เจอกัน ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2559 ที่สนามศุภชลาศัย โดยทีมชาติไทย คุมทัพโดย “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง มีนักเตะเด่นๆ อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ยังเป็นดาวรุ่ง มี สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, ประทุม ชูทอง, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, มงคล ทศไกร, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และ อดิศักดิ์ ไกรสร เป็นต้น

ขณะที่เกาหลีใต้ชุดนั้น ไม่มี ซน ฮึง มิน ที่เหมือนจะมีอาการบาดเจ็บไม่ได้เดินทางมาด้วย โดยกุนซือของพวกเขาในเวลานั้นคือ อูลี่ สตีลิเก้ เฮดโค้ชชาวเยอรมัน โดยนักเตะที่มาอุ่นไทยชุดนั้นก็ขนดาวดังมาเพียบ อย่าง ปาร์ค จู โฮ แบ็กซ้ายจาก โบรุสเซียดอร์ทมุนด์, กี ซอง ยง กัปตันทีมที่ตอนนั้นเล่นอยุ่กับ สวอนซี ซิตี้, และ ซุค ฮยอน จุน กองหน้าจากเอฟซี ปอร์โต้ โดยเกมนั้น เกาหลีใต้นำตั้งแต่ 4 นาทีแรกจาก  ซุค ฮยอน จุน นี่แหละ หลังจากนั้นไทยเราก็สู้ได้ดี และเล่นเกมรับเหนียวแน่น และแพ้ไปด้วยสกอร์ 0-1

6.คีย์แมนสำคัญของทั้งสองทีม

ปิดท้ายกันที่คีย์แมนสำคัญของทั้งสองทีมในการเจอกันเกมนี้ ของเกาหลีใต้ แน่นอน คีย์แมนเบอร์หนึ่งคือกัปตันทีมคนเก่งอย่าง ซน ฮึง มิน ที่จะนำทัพ นอกจากนี้ก็จะมี คิม มิน แจ ปราการหลังพันธุ์แกร่งจากบาเยิร์น มิวนิค คนต่อมาก็คงจะเป็น อี คัง อิน กองกลางตัวรุกจากเปแอสเช และคนสุดท้ายคือ  โช กยู-ซอง ศูนย์หน้าจอมโขกจากมิดทิลแลนด์ ในลีกเดนมาร์ก

มาดูทางฝั่งทีมช้างศึกของเราบ้าง ก็จะนำทัพโดยกัปตันทีมอย่าง “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่หายเจ็บกลับมาร่วมทีมชาติไทยอีกครั้ง และเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกกับกุนซือคนใหม่อย่าง อิชิอิ ด้วย คนต่อมาคือ แบ็กซ้ายตัวเก๋า “โก๋อุ้ม” ธีราธร บุญมาทัน ที่เปรียบเสมือนเป็นเดอะแบกอีกคนของทีม อีกคนที่ขาดไม่ได้คือ “ลูกโซ่” นิโคลัส มิคเกลสัน แบ็กขวาลูกครึ่งนอร์เวย์ แดนกลางอีกคนก็สำคัญคือ “จารย์เตอร์” วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ที่เปรียบเสมือนเป็นห้องเครื่องของทีม และคนสุดท้ายคือ สุภโชค สารชาติ ตัวรุกจากคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในศึกเจลีกญี่ปุ่น

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจก่อนเกมที่ทีมชาติไทย จะพบกับ เกาหลีใต้ ในวันที่ 21 มีนาคมนี้ ซึ่งหลังจบเกมที่เราออกไปเยือนแล้ว เราก็จะกลับมาเล่นในบ้านที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันอังคารที่ 26 มีนาคมนี้ เวลา 19.30 น.

โดยเป้าหมายของ 2 นัดนี้ของทีมชาติไทย หากต้องการที่จะลุ้นผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับสองของกลุ่ม ต้องพยายามเก็บแต้มให้ได้อย่างน้อย 1 คะแนน จากสองเกมกับเกาหลีใต้ ถ้าทำได้ที่เหลือก็คือการต้องเก้บชัยชนะในสองนัดที่เหลือที่ต้องออกไปเยือนจีน และ สิงคโปร์ 

สุดท้ายแล้วทัพช้างศึก จะสามารถแบ่งแต้มหรือเก็บแต้มจากทีมโสมขาวได้หรือไม่ และจะสู้ได้ดีแค่ไหน คงต้องมารอดูกัน!!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline