ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นปกคลุมเมืองไทย ช่างแตกต่างกับสถานการณ์ที่ "เดอะ บริดจ์" ซึ่งกำลังโดนพายุถาโถมกระหน่ำอย่างหนัก
หลัง เชลซี แพ้คาบ้านต่อ บอร์นมัธ 0-3 อีกทั้งเกมลีกนัดล่าสุดก็บุกไปแพ้ให้กับ วัตฟอร์ด 1-4 แบบราบคาบ 2 นัด โดนยิงไป 7 ประตู
นอกจากสิ้นลายแชมป์เก่าแบบไม่เหลือชิ้นดี กระแสตกงานของ อันโตนิโอ คอนเต้ ยิ่งรุกรามเปรียบเสมือนหยอดน้ำมันลงบนกองไฟ ต่อให้มีดีกรีแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาค้ำคอ แต่บางทีก็อาจไม่รอดเงื้อมมือ "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสรจอมโหดของทีม เพราะก่อนหน้านี้เคยเชือด โชเซ่ มูรินโญ่ ให้เห็นมาแล้ว
ไม่เพียงแต่เรื่องฟอร์มการเล่นเท่านั้น ความสัมพันธ์ของ คอนเต้ กับ บอร์ดบริหาร ระหองระแหงกันมาตั้งแต่ก่อนออกสตาร์ทซีซั่น ในเรื่องนโยบายการซื้อนักเตะและการบริหารจัดการทีม ซึ่งเมื่อผนวกกับผลงานตอนนี้แล้ว บางทีจบซีซั่นอาจต้องแยกทางกันไป แต่คำถามคือใครจะเหมาะเข้ามาสานงานต่อจาก คอนเต้ ? หากวัดจากลิสต์รายชื่อบอกเลยดีกรีไม่ธรรมดา
1. หลุยส์ เอ็นริเก้
อดีตกุนซือ บาร์เซโลน่า ชุดทริปเปิ้ลแชมป์ ถูกไฮไลท์ขีดเส้นใต้ไว้ว่าเขาคือตัวเต็งหมายเลขหนึ่ง ที่จะเข้ามารับงานกุมบังเหียน เชลซี แทนตำแหน่งของ อันโตนิโอ คอนเต้ เพราะ เอ็นริเก้ ยังคงเป็นคนว่างงาน นับตั้งแต่อำลาเก้าอี้ "เจ้าบุญทุ่ม" เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา แถมมีดีกรีที่เข้าตาเสี่ยหมี เนื่องจาก 3 ปี ที่ทำงานในถิ่นคัมป์ นู เขาพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัย, โกปา เดล เรย์ 3 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย
ถึงแม้ เอ็นริเก้ จะต้องการรับงานอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่บางทีหาก "เสี่ยหมี" ต่อสายโทรไปหาโดยตรง เฮดโค้ชวัย 47 ปี อาจเปลี่ยนใจกลับมารับงานก่อนกำหนด โดยมีสิ่งจูงใจหลายอย่าง โดยเฉพาะการแข่งขันที่ "สิงห์บลูส์" ยังอยู่ในเส้นทาง เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึงการลุ้นจบท็อปโฟร์
2. คาร์โล อันเชล็อตติ
"คาร์เล็ตโต้" นับเป็นผู้กอบกู้ให้ เชลซี กลับมาผงาดเชิดหน้าชูตาอีกครั้ง ตั้งแต่ผ่านยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ โดยเสกแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้ทีมและแฟนบอลได้เชยชม 1 สมัย เมื่อปี 2009 พร้อมสร้างสถิติยิงประตูเยอะสุดใน 1 ซีซั่น ที่ 103 ประตู ก่อนที่จะโดนปลดในฤดูกาลถัดมา เพราะพาทีมจบปีแบบมือเปล่า
เมื่อวันเวลาผ่านไป อันเชล็อตติ ได้โยกย้ายไปคุม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เรอัล มาดริด และ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งมีแชมป์มาประดับบารมีทั้งหมด จนกระทั่งแยกทางกับ "เสือใต้" ระหว่างฤดูกาล กลายเป็นกุนซือว่างงาน บวกกับให้สัมภาษณ์ว่ายังคงปรารถนาจะกลับมากุมบังเหียนในลูกหนังแดน "ผู้ดี" ด้วยความเป็นคนคุ้นเคยและมีประสบการณ์กับสโมสร จึงมีโอกาสได้คัมแบ็กรับงานอีกครั้ง แต่คำถามคือ "อันเช่" จะแบกรับความกดดันเหมือนที่เคยเป็นมา ได้ดีมากขนาดไหน ?
3. เมาริซิโอ ซาร์รี่
สถานการณ์ของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ แตกต่างออกไปจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ และ คาร์โล อันเชล็อตติ เพราะปัจจุบันเขายังคงทำงานเป็นเฮดโค้ชใหญ่ให้กับ นาโปลี เบียดแย่งแชมป์ "สคูเด็ตโต้" อยู่กับ ยูเวนตุส หลังนำเป็นจ่าฝูงห่างจาก "ไอ้ม้าลาย" 1 คะแนน ดังนั้นเจ้าตัวคงไม่พึงประสงค์ย้ายมาระหว่างฤดูกาล จนกว่าจะถึงช่วงซัมเมอร์นี้
อย่างไรก็ตาม ซาร์รี่ กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ เชลซี เพราะมีค่าผูดมัดฉีกสัญญากับต้นสังกัด จ่ายด้วยเงินราคาแสนถูกเพียงแค่ประมาณ 8 ล้านยูโร จนกระทั่งถึง 31 พฤษภาคม นี้ แถมยังเป็นโค้ชที่รู้จักและชอบใช้งานนักเตะที่มีอยู่มากกว่า คอนเต้ ซึ่งมักร้องขอผู้เล่นหน้าใหม่
4. ดีเอโก้ ซิเมโอเน่
ชื่อของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ มักจะตกเป็นข่าวกับบรรดาทีมระดับท็อปของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อมีตำแหน่งกุนซือว่างลง แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีข้อเสนอใดที่แข็งแรงพอดึงดูดให้ "เอล โชโล่" ยอมสละเรือทิ้งตำแหน่งออกจากทัพ "ตราหมี" ได้เลย โดยเฉพาะในซีซั่นนี้ยังคงพาต้นสังกัดรั้งอันดับ 2 ตาม บาร์เซโลน่า จ่าฝูง 9 คะแนน
ซิเมโอเน่ เอง ก็เคยปฏิเสธ เชลซี มาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อช่วงซัมเมอร์ก่อน หลังมีสัญญาอยู่กับ แอต. มาดริด อยู่อีกถึง 2 ปีครึ่ง แต่ในโลกของฟุตบอล ไม่มีอะไรจีรังและแน่นอน ท่ามกลางกระแสที่ อ็องตวน กรีซมันน์ จะย้ายทีม บางที ซิเมโอเน่ ก็อาจคิดอำลา "ตราหมี" หลังคุมทีมมาตั้งแต่ปี 2011 เพื่อมาหาความท้าทายที่ อังกฤษ ก็เป็นได้
5. มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี
อัลเลกรี เป็นหนึ่งในกุนซือที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะการพา ยูเวนตุส คว้าแชมป์ "สคูเด็ตโต้" และ โคปปา อิตาเลีย อย่างล่ะ 3 สมัย รวมถึงพาทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยดีกรีที่มันเย้ายวลใจแบบนี้ จึงตกเป็นที่หมายปองของ เชลซี ซึ่งจ้องตาเป็นมัน
อีกทั้งในอดีตที่ผ่านมา อัลเลกรี เคยหล่นวาทะไว้แล้วว่า "ต้องการย้ายมาคุมทีมใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ" เพราะชื่นชอบสไตล์ฟุตบอลที่สนุกตื่นเต้นและเร้าใจ จึงไม่ผิดนักที่ เชลซี ต้องการได้ตัวเฮดโค้ชมากุมบังเหียน เป็นอันดับต้นๆ ถึงแม้จะยังมีสัญญากับ "ไอ้ม้าลาย" ถึงปี 2020 ก็ตาม