คลอดออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับผลการจับฉลากศึกยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ของรอบนี้อยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จับฉลากมาพบกับตัวแทนจากประเทศออสเตรียอย่าง แอลเอเอสเค ลินซ์
ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเราเลยจะนำทุกท่านไปทำความรู้จักกับสโมสรแห่งนี้ให้มากขึ้น ว่ามีความเป็นมาอย่างไร และเส้นทางกว่าจะถึงจุดนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ไปติดตามกันได้เลยประวัติพอสังเขป
แอลเอเอสเค ลินซ์ หรือว่าชื่อเต็มก็คือ ลินเซอร์ แอธเลติก สปอร์ตคลับ สโมสรจากประเทศออสเตรีย ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1908 หรือประมาณ 112 ปีที่แล้ว ซึ่งชื่อแรกของสโมสรนั้นก็คือ ลินซ์ สปอร์ตคลับ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่ออย่างในปัจจุบันเมื่อปี 1919 ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาสโมสรมักมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับการเงินอยู่หลายครั้งไม่ว่าจะเป็นในยุคปลาย 90 ที่สโมสรต้องเผชิญกับหนีสิ้นจำนวนมาก ทำให้ทีมต้องขายสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อพยุงสโมสรให้ยังคงดำรงอยู่ต่อไป ถึงแม้จะถูกปรับตกชั้นไปเล่นในลีกรองก็ตาม และปัญหาเดิมก็กลับมาวนเวียนพวกเขาอีกครั้งในปี 2012 สโมสรมีปัญหาด้านการเงิน และครั้งนี้หนักหนากว่าหนก่อน เพราะต้องถึงขั้นสโมสรได้ค้างเงินเดือนของนักเตะ และไม่ได้จ่ายค่าเช่าสนามแข่งขันกับทางสภาเมือง บทสรุปสุดท้ายพวกเขาต้องถูกปรับตกชั้นไปเล่นในลีกระดับ 3 ของประเทศ ก่อนที่จะใช้เวลาในในการไต่เต้าขึ้นมายังลีกสูงสุดได้อีกครั้ง
ความสำเร็จ
ความสำเร็จที่พวกเขานำมาเชยชมได้ครั้งล่าสุดต้องย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 1964-65 ซึ่งถือว่าเป็นขวบปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสโมสรเลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาสามารถจัดการคว้าทั้งแชมป์ลีก และแชมป์บอลถ้วยในประเทศมาครอง โดยในฤดูกาลดังกล่าวทั้งซีซั่นพวกเขาพ่ายแพ้ไปเพียง 4 นัดเท่านั้น จากการลงสนามในลีกไปทั้งสิ้น 26 นัด ซึ่งจุดเด่นในปีนั้นอยู่ที่เกมในบ้านที่มักจัดการกับผู้มาเยือนได้เสียหมด พลาดท่าพ่ายคาบ้ายเพียงเกมเดียว และยิงประตูคู่แข่งไปได้ถึง 27 ตุง เลยทีเดียว ส่วนความสำเร็จอื่นๆ ก็พวกแชมป์ลีกรองที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกา 2 ของ ออสเตรีย มาครองได้มากถึง 5 สมัย ส่วนในเรื่องบอลถ้วยในประเทศพวกเขาเข้าชิงทั้งหมด 5 ครั้ง แต่ทว่าประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียวนั้นก็คือเมื่อปี 1965 นั้นแหละ ส่วนการเข้าชิงครั้งล่าสุดก็คือเมื่อปี 1999 แต่ก็ต้องพ่ายจุดโทษให้กับ สตวร์ม กราซ ไปอย่างน่าเสียดาย
กุนซือของทีม
ปัจจุบัน แอลเอเอสเค ลินซ์ ถูกกุมบังเหียนโดยกุนซือที่มีนามว่า วาเลเรียง อิสมาแอล อดีตปราการหลังชาวฝรั่งเศส ที่ผ่านชีวิตการค้าแข้งมาอย่างโชกโชนไม่ว่าจะเป็น คริสตัล พาเลซ, สตาร์บูร์ก, แวร์เดอร์ เบรเมน และบาเยิร์น มิวนิค ก่อนที่จะพึ่งมาประกาศแขสนสตั๊ดเมื่อปี 2009 โดยสโมสรสุดท้ายก็คือ ฮันโนเวอร์ ทีมในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ส่วนเส้นทางการเป็นกุนซือ อิสมาแอล เริ่มต้นจากทีมสำรองของ ฮันโนเวอร์ เมื่อปี 2011 ก่อนโยกย้ายไปคุมทีมสำรองของ โวร์ฟบวร์ก ในอีก 2 ปี ถัดมา และไตเต้ามาคุมทีมชุดใหญ่ครั้งแรกกับสโมสร เนิร์นแบร์ก ในปี 2014 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ได้โอกาสคุมทีมเพียง 14 นัดเท่านั้น ก็ต้องแยกทางกันในที่สุด ซึ่งต่อจากนั้นเจ้าตัวก็ยังคงวนเวียนกับอาชีพกุนซือในเยอรมัน ทั้งกลับไปเป็นกุนซือชุดสำรองของโวร์ฟบสร์ก และได้ขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ในซีซั่น 2016-17 โดย วาเลเรียง อิสมาแอล ได้ก้าวมาเป็นนายใหญ่ทัพ แอลเอเอสเค ลินซ์ เมื่อช่วงกรกฏาคม 2019 และกำลังพาทีมมีผลงานที่ยอดเยี่ยม จนกระทั่งเข็นทีมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกยูโรปาลีก ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร และกำลังพาทีมขั้วแชมป์ลีกภายในประเทศอยู่ ณ ตอนนี้เส้นทางบอลยุโรปในฤดูกาล 2019-20
แอลเอเอสเค ลินซ์ ได้โอกาสเข้าสู่รอบเพลย์ออฟรอบ 3 ของ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นนี้ เนื่องจากจบตำแหน่งอันดับ 2 ในลีกออสเตรีย เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยด่านแรกพวกเขาสามารถผ่าน เอฟซี บาเซิ่ล มาได้แบบไม่อยากเย็นที่สกอร์รวม 2 นัด 6-2 ก่อนที่ในรอบถัดมาจะต้องตกรอบด้วยน้ำมือของ คลับ บรูซ ด้วยสกอร์ 2 นัด 3-1 ทำให้ต้องตกมายังรอบแบ่งกลุ่มศึกยูโรปาลีก และได้อยู่ร่วมกลุ่มกับ โรเซนบอร์ก, สปอร์ตติ้ง ลิสบอน และพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ซึ่งต้องบอกว่าผลงานในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขายอดเยี่ยมเป็นอย่างมากจบการแข่งขัน 6 นัด จบที่จ่าฝูงของกลุ่มด้วยการมี 13 คะแนน จากผลงาน ชนะ 4 เสมอ 1 และแพ้ 1 นัด กรุยทางเข้าสู่รอบ 32 ทีมสุดท้ายมาพบกับ เอแซด อัลมาร์ ก่อนที่พวกเขาจะแสดงทีเด็ดเผด็จศึกยอดทีมจากฮอลแลนด์ ด้วยการบุกไปยันเสมอที่แดนกะงหันลมมาด้วยสกอร์ 1-1 ก่อนที่จะเปิดบ้านทุบแบบสบายๆ 2-0 รวมผล 2 นัด เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยากอร์ 3-1 ก่อนที่จะจับฉลากมาเจอของดีของใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด