[ ฟอร์มต่างกันสุดขั้ว ]
หากดูจากฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมก่อนที่ทั้งคู่จะลงฟาดแข้งกัน ต้องบอกว่ามันช่างแตกต่างกันราวกับ นรก สวรรค์ ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ชนะ 17 เกม จาก 20 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ หลุดเสมอเพียงแค่ 3 นัดเท่านั้น ยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น
ไม่เพียงเท่านั้นแต่ละเกมที่ลงสนาม พลพรรคหงส์แดง ยังกระซวกตาข่ายแบบไม่เลือกหน้า กระหน่ำไปถึง 18 ประตู จาก 5 เกมหลังสุด รั้งตำแหน่งจ่าฝูงแบบสบายใจเฉิบ
ตัดกลับมาที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เต็มไปด้วยปัญหาไม่เว้นแต่ละเกมพ่ายมาแล้ว 4 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการ แถม 3 นัดหลังสุดยิงไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว มิหนำซ้ำเกมรับรั่วไหลอย่างกับก๊อกแตก เสียแต่ละเกมไม่ต่ำกว่า 2 ถึง 3 ประตู
ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยแฟน หงส์แดง ต่างมั่นอกมั่นใจแบบเต็มประดาว่าพวกเขาจะยัดเยียดความปรายชัยให้กับ ปีศาจแดง ได้แบบไม่ยากเย็น เฉกเช่นเดียวกันฤดูกาลก่อนหน้านี้ ดีไม่ดีผลการแข่งขันจะตัดสินได้ภายในครึ่งแรกเลยด้วยซ้ำ
[ เล่นดีก็เล่นได้ ]
แต่พอผู้ตัดสินบ้วนลมใส่นกหวีด รูปเกมกลับผิดคาดแบบหน้ามือเป็นหลังตีน แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายครองเกมเหนือกว่า เปอร์เซ็นต์การครองบอลเยอะกว่า ทว่าโอกาสสวนกลับของ แมนยู ที่มาแต่ละครั้ง มันดูได้น้ำได้เนื้อจนเกือบที่จะได้ประตูอยู่หลายครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะโหม่งจ่อๆของ อาหมัด ดิยัลโล่ ในช่วงท้ายครึ่งแรก แต่น่าเสียดายบอลที่เปิดมาของ ดิโอโก้ ดาโลต์ มันย้อนหลังไปหน่อยทำเหมือนโหม่งสกัดมากกว่าทำประตู
และอีกจังหวะที่ ราสมุส ฮอยลุนด์ หลุดไปดวลเดี่ยวกับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ แต่ก็ยิงไม่ผ่านมือนายด่านชาวบราซิล ซึ่งนอกจากรุกที่จะสร้างโอกาสได้ดีแล้ว เกมรับเองเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องชื่นชม
แผงเกมรับในเกมนี้ต้องบอกว่าเล่นกันมีวินัยสุดๆ ตามเข้าประกบชิดตัว ไม่ปล่อยให้แนวรุกของ ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้เล่นกับบอลง่ายๆ
ดิโอโก้ ดาโลต์ คือหนึ่งนักเตะที่สมควรค่าแก่การชื่นชมมากที่สุด เพราะนอกจากเกมรับที่ถูกมอบหมายให้ตามประกบ ซาลาห์ แล้ว เกมรุกเองก็ทำได้ยอดเยี่ยม มีจังหวะกระชากขึ้นไปครอสบอลได้อยู่หลายครั้ง เรียกได้ว่าครบเครื่องเรื่องต้มยำจริงๆสำหรับฟอร์มการเล่นของ ดาโลต์ ในแมตซ์นี้
รวมถึง มานูเอล อูการ์เต้ วันนี้ต้องบอกว่าเป็นเดอะแบกในแผนมิดฟิลด์อย่างแท้จริง ทั้งตัดเกมเปลี่ยนจังหวะรับเป็นรุกก็ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ กลายเป็นนักเตะที่ แมนยู ขาดไปไม่ได้ซะแล้ว
[ เทรนต์ หลุดฟอร์ม ]
ส่วนนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังที่สุดของฝั่ง ลิเวอร์พูล คงหนีไม่พ้น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ถูกเหล่าแฟนบอล หงส์แดง รวมถึงกูรูวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
นอกจากเกมรุกที่เป็นจุดเด่นของ เทรนต์ จะสร้างความอันตรายไม่ได้แล้ว เกมรับที่เป็นจุดอ่อนยังถูกผู้เล่น แมนยู โจมตีจนหลอนไปหมด
ไม่เพียงเท่านั้นดูจากสีหน้าแววตาของเจ้าตัว เหมือนกะจิตกะใจไม่ได้อยู่ในเกม ดูเหม่อลอยไปหมด ภาษากายดูไม่ได้เลยสำหรับ เทรนต์ ในเกมนัดนี้ ไม่รู้ในหัวพี่แกคิดอะไรอยู่
ถึงขั้นที่ รอย คีน ออกมาด่าแบบไม่เกรงใจเลยว่า "ถ้า เทรนต์ จะเล่นได้ห่วยขนาดนี้ไม่ต้องไป เรอัล มาดริด หรอกไป ทรานเมียร์ โรเวอร์ส ดีกว่า"
[ โม ซาลาห์ ทำสถิติสุดตรีน ]
ต้องบอกว่าชั่วโมงนี้คงไม่มีใครร้อนแรงเกินกว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลังทำประตูที่ 18 ฤดูกาลนี้ รั้งตำแหน่งดาวซัลโวประจำ พรีเมียร์ลีก ณ ปัจจุบันทิ้งห่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่ 16 ประตู
นอกจากนั้นยังมีส่วนร่วมกับประตูไปแล้ว 38 ประตู จากการลงสนาม 27 นัดรวมทุกรายการ แถมเกมวันนี้ บังโม ยังทำสถิติยิงประตูที่ 175 ใน พรีเมียร์ลีก เทียบเท่ากับตำนานกองหน้าของ อาร์เซน่อล อย่าง เธียร์รี่ อองรี
[ 1 แต้มแต่ความหมายต่างกัน ]
แม้เกมนี้จะจบลงด้วยผลเสมอแต่คุณค่าของ 1 แต้มสำหรับทั้งสองทีมต้องบอกว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยฟอร์มการเล่นอันน่าผิดหวังในช่วงหลายนัดที่ผ่านมา แล้วบุกมายันเสมอกับทีมที่ฟอร์มแรกที่สุดในยุโรปถือว่าทำผลงานได้ดีเกินคาดแล้ว ผลการแข่งขันในวันนี้น่าจะเรียกความมั่นใจให้กับ ทัพปีศาจแดง ได้ไม่มากก็น้อย
ในทางกลับกัน ลิเวอร์พูล ถือว่าโชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐานหากเทียบกับเกมที่ผ่านๆมา หาก มัตไตส์ เดอ ลิคต์ ไม่แจกให้ดีไม่ดีอาจจบลงด้วยความพ่ายแพ้เลยด้วยซ้ำ
แต่ 1 คะแนนในเกมวันนี้ก็ยังไม่เลวร้ายสำหรับเส้นทางการลุ้นแชมป์ของ พลพรรคหงส์แดง นำทีมอันดับ 2 อย่าง อาร์เซน่อล อยู่ถึง 6 คะแนน แถมยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด
-บีเบลล์ กูนเนอร์-