ที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สถาปนาก้าวขึ้นมาเป็นทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปในยุคนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากการสร้างและการวางรากฐานโดยชายที่ชื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์
การเติบโตของ ดอร์ทมุนด์ ตลอดช่วงที่ผ่านมาก็มีทั้งการผลักดันดาวรุ่งขึ้นมาจากอคาเดมี่ ตลอดจนการเซ็นสัญญานักเตะใหม่ๆ เข้ามา แต่วันนี้สิ่งที่
'ขอบสนาม' อยากนำเสนอก็คือการพาทุกท่านไปสอดส่องชีวิตของ 5 นักเตะหลังสุดที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ดึงตัวมาร่วมทัพ 'เสือเหลือง' ไปดูกันว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรก็บ้าง ? (อ้างอิงมาจากสื่อต่างประเทศ)
ชิโร่ อิมโมบิเล่
ชิโร่ อิมโมบิเล่ หลายคนอาจไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นนักเตะที่โตมาจากอคาเดมี่ของ ยูเวนตุส แต่ช่วง 10 กว่าปีก่อนพี่แกไม่สามารถแจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ได้ก็เลยทำได้แค่ย้ายไปเก็บเลเวลกับทีมโน้นทีมนี้ใน อิตาลี และส่วนใหญ่ก็เป็นทีมในลีกรองๆ ด้วย จนกระทั่งพี่แกมาฉายแววได้ดีกับ โตริโน่ ในฤดูกาล 2013-14 กับการซัดไป 23 ประตูจาก 34 เกม นั่นก็เลยทำให้ ดอร์ทมุนด์ ตัดสินใจเดินหน้ากระชากตัวไปเสริมทัพในปีต่อมาด้วยค่าตัว 18 ล้านยูโร เพื่อทดแทนการจากไปของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ถึงแม้ อิมโมบิเล่ จะทำผลงานได้ค่อนข้างโอเค แต่พี่แกก็ไม่สามารถก้าวขึ้นไปเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของทีมได้ เพราะตอนนั้น ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมอยอง ระเบิดฟอร์มได้โหดยิ่งกว่าจริงๆ ก่อนที่ปีต่อมาจะย้ายไปล่าสกอร์ให้ เซบีย่า และ โตริโน่ แบบยืมตัว แต่ก็ไม่รุ่งเลยสักที่ จนท้ายที่สุด ลาซิโอ้ ได้อาสาสมัครขอเป็นคนเค้นฟอร์มเก่งของ อิมโมบิเล่ เองโดยทำเรื่องขอซื้อตัวไปในราคาแค่เพียง 8.75 ล้านยูโรเท่านั้นในปี 2016 และสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อิมโมบิเล่ กลายเป็นกองหน้ายอดดาวยิงที่อันตรายที่สุดเบอร์ต้นๆ บนสังเวียน กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี โดยตลอดระยเวลา 4 ฤดูกาลพี่แกซัดไป 116 ประตูจากการลงสนาม 167 เกม
มัตธิอัส กินเทอร์
มัตธิอัส กินเทอร์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหลังดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดในเยอรมันสมัยอยู่กับ ไฟร์บวร์ก ก่อนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะทำตามนโยบายของตัวเองที่ชอบปั้นนักเตะอายุน้อยๆ ก็เลยลงทุน 10 ล้านยูโรพรากตัวมาเสริมทัพในปี 2014 ผลปรากฏว่าผลงานของ กินเทอร์ ก็ไม่ได้น่าผิดหวังแต่ก็ไม่ถึงกลับโดดเด่น ได้โอกาสลงเล่นบ้างไม่ได้ลงเล่นบ้าง อยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ประมาณนั้น แต่ กินเทอร์ จะมาเจอมรสุมชีวิตก็ตอน เจอร์เก้น คล็อปป์ จากไป เพราะการมาของ โธมัส ทูเคิ่ล อนาคตของ กินเทอร์ กับ ดอร์ทมุนด์ ก็ค่อยๆ ริบหรี่ลง เพราะในตำแหน่งคู่เซ็นเตอร์ตัวจริงตอนนั้นจะเป็น มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ และ โซคราติส ปาปาสธาโทปูลอส
พอมาถึงยุค ปีเตอร์ บอสซ์ ชีวิตของ กินเทอร์ ก็ยังโดนดองเหมือนเคยและเมื่อพี่แกไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีม คู่แข่งอย่าง โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ก็เลยยื่นมือเข้ามาช่วยพยุง และพร้อมมอบโอกาสตัวจริงให้ก่อนจะเดินเรื่องย้ายทีมไปด้วยค่าตัว 17 ล้านยูโร ปัจจุบัน กินเทอร์ มีสถานะเป็นกองหลังตัวจริงของทีม และซีซั่นนี้ก็เกาะกลุ่มหัวตารางด้วยมีโอกาสลุ้นทั้งแชมป์ บุนเดสลีกา และโควต้าไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า
ชินจิ คากาวะ
ชินจิ คากาวะ เป็นมิดฟิลด์ตัวรุกที่มีทักษะการสร้างสรรค์เกมที่สูงมาก เช่นเดียวกับเทคนิคและทักษะระดับสูง ทั้งการจ่ายบอล เลี้ยงบอลตลอดจนการยิงประตู เขาสร้างชื่อขึ้นมากับ เซเรโซ่ โอซาก้า ในบ้านเกิดประเทศญี่ปุ่น นั่นก็เลยทำให้ ดอร์ทมุนด์ อดใจไม่ไหวเลยจึงรีบคว้าตัวมาร่วมทีมทันทีในปี 2010 และก็ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยพาทัพ 'เสือเหลือง' คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ได้ 2 สมัย เช่นเดียวกับถ้วย เดเอฟเบ โพคาล ก็ได้ 2 สมัยเช่นกัน แต่ที่พีคกว่านั้นคือการยกระดับ ดอร์ทมุนด์ เป็นหนึ่งในทีมที่มีเกมรุกอันตรายที่สุดในยุโรป ณ ยุคนั้น
แต่จากนั้นก็ได้โอกาสย้ายไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ พรีเมียร์ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่รุ่งเลยสักนิด คากาวะ เล่นทำเอาแฟนๆ ผิดหวังกันเป็นแถบจนโดนวิจารณ์หนักเรื่องการปรับตัวและสไตล์ไม่ค่อยแมตช์กับทีมเท่าไหร่ ก่อนสุดท้ายจะเลือกตัดสินใจกลับมาตายรังที่ ดอร์ทมุนด์ อีกครั้งในปี 2014 พร้อมกับงัดฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกครั้งจนได้เป็นตัวหลักของทีม อย่างไรก็ตามปัจจุบันเจ้าตัวเลือกย้ายมาสัมผัสกับประสบการณ์ในสเปนกับ เรอัล ซาราโกซ่า แต่ทว่าเป็นการค้าแข้งในลีกรอง อเดลันเต้ และก็ไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นมากนัก
นูริ ซาฮิน
นูริ ซาฮิน เป็นนักเตะที่ถูกผลักดันขึ้นมาจากอคาเดมี่ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และก็เป็นตัวหลักในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ด้วยกับการเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางที่มีความโดดเด่นทั้งการคุมจังหวะ เชื่อมเกม และการเปลี่ยนจังหวะจากรับเป็นรุกได้ดี ตลอดจนลูกเล่นที่แพรวพราว นับเป็นผู้เล่นที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลมากที่สุดในยุคนั้นช่วงปี 2008-10 ก่อนจะถูก เรอัล มาดริด พรากตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 10 ล้านยูโร แต่นั่นเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ผิด เพราะอย่างที่ทราบกันว่า 'ราชันชุดขาว' เป็นทีมมีผู้เล่นระดับสูงอยู่เต็มทีมดังนั้นจึงไม่แปลกที่การแข่งขันภายในทีมมันจะสูงตามไปด้วย
สุดท้าย ซาฮิน ไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้เจิดจรัสเหมือนสมัยอยู่กับทีมเก่า มิหนำซ้ำยังเจอพิษปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังตามเล่นงานอีกต่างหากจนไม่สามารถกลับไปอยู่จุดสูงสุดอย่างที่ควรเป็นได้อีกเลยไม่ว่าจะเป็นตอนย้ายไป ลิเวอร์พูล หรือตอนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ดึงตัวกลับไป ดอร์ทมุนก์ อีกครั้ง จะมีช่วงฤดูกาล 2013-14 ที่ทรงเริ่มดูดีขึ้น แต่พอซื้อตัวกลับมาถาวรในปีต่อมาเท่านั้นแหละก็เจอโรคเดี้ยงตามหลอกหลอนอีกครั้งจนหมดอนาคตในที่สุด ปัจจุบันพี่แกค้าแข้งอยู่กับ แวร์เดอร์ เบรเมน แต่ก็ยังงัดฟอร์มเก่งกลับมาไม่ได้เหมือนเคยจนตอนนี้กลายเป็นนักเตะที่ถูกลืมไปแล้วโดยปริยาย
เควิน คัมเปิ้ล
เควิน คัมเปิ้ล เป็นเด็กฝึกจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แต่ไม่สามารถโตจนกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมได้ ก่อนจะเที่ยวตระเวนเก็บเลเวลากับทีมเล็กๆ ไปเรื่อยไม่ว่าจะเป็น กรอยเธอร์ เฟือรธ์, ออสนาบรูค, อาเล่น จนกระทั่งปี 2012 การย้ายไป เร้ดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก ทำให้ชื่อของ เควิน คัมเปิ้ล กลายเป็นจุดสนใจจากทีมใหญ่ๆ มากขึ้น เพราะฉายแววได้ดีสุดๆ ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก นอกจากปั้นเกมได้ดีแล้วยังมีสถิติการยิงประตูที่ดีด้วย นั่นก็เลยทำให้ ดอร์ทมุนด์ เดินเรื่องนำตัวพี่แกกลับมาใช้ชีวิตที่ เยอรมัน อีกครั้งด้วยน้ำมือของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่สุดท้ายก็ต้องเจอกับความผิดหวังอีกครั้งเพราะสถานะของพี่แกเป็นได้แค่ส่วนเกินเท่านั้น
แต่ปัจจุบัน เควิน คัมเปิ้ล สังกัดอยู่กับ อาร์บี ไลป์ซิก ที่กำลังมีลุ้นแชมป์ บุนเดสลีกา อย่างเต็มตัว รวมถึงโควต้าไปเล่นฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า แต่ชีวิตปีนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้ลงสนามเท่าไหร่ แต่ถ้าย้อนกลับไป 2 ฤดูกาลก่อนหน้านั้นเขาคือตัวหลักของทีมและก็ฉายแสงได้สว่างจ้ามากๆ ต้องมาลุ้นกันว่าในอนาคตต่อจากนี้พี่แกจะกลับมาอยู่ในจุดที่ควรอยู่ได้อีกครั้งหรือไม่