ขึ้นๆ ลงๆ ตกไปเที่ยวเล่นอยู่ท้ายตารางและกลางตารางมาหลายสัปดาห์ ก่อนล่าสุดอดีตแชมป์ไทยลีก 4 สมัย อย่าง "กิเลนผยอง" ก็กลับเงยหัวขึ้นมาอยู่ท็อปทรีได้แล้ว ซึ่งมันเป้นการส่งสัญญาณว่า "กูกลับมาแล้ว" และเมื่อทีมอย่างเมืองทองฯ ขึ้นมาหัวตารางได้ มันคงยากที่พวกเขาจะกลับลงไปอีกครั้ง
แม้ตอนนี้ทีมกิเลนผยองจะยังคงไร้หัวเรือใหญ่ ผู้ที่จะเข้ามากุมบังเหียนในถิ่นเอสซีจี สเตเดี้ยม คนใหม่ แต่ผลการแข่งขันและผลงานในสนามมันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกเลยว่าพวกเขาไม่มีเฮดโค้ชเลย เพราะการทำทีมของ "โค้ชใหม่" สันติ ไชยเผือก กับ "โค้ชอู๊ด" สราวุฒิ ตรีพันธ์ ทีมเล่นดีกว่าช่วงเปิดฤดูกาลมาก
หลังจากที่เอสซีจี เมืองทองฯ แยกทางกับ "โค้ชแบน" ธชตวัน ศรีปาน ไปเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังบุกไปพ่ายพีที ประจวบ 6-1 จากนั้นเป็นต้นมาพวกเขาไม่แพ้ใครเลย 4 เกมติดต่อกันแล้ว โดยชนะไป 3 และเสมอไป 1 นัด เก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำทำให้พุ้งปรี๊ดขึ้นมาจากกลางตารางมาอยู่ที่สามแล้ว
โดยเป็นรองจ่าฝูงบุรีรัมย์ อยู่ 6 แต้ม และตามหลังต่อพิฆาต อันดับสองแค่ 2 คะแนนเท่านั้น ซึ่งในเดือน เม.ย.นี้ มีโอกาสที่อันดับตารางคะแนนจะสลับสับเปลี่ยนกันได้ และมีโอกาสที่สองทีมนำจะกลับมาเป็นบุรีรัมย์ กับ กิเลนผยอง อต่มันก็ไม่ง่ายเหมือนกันเพราะพีที ประจวบ ก็ฟอร์มแรงเกินห้ามใจ ไม่มีสะดุดให้เห็น
เรามาว่ากันที่ผลงานการคุมทีมของ "โค้ชใหม่" สันติ ไชยเผือก กันดีกว่า ทำไมถึงทำให้ทีมกิเลนผยอง ที่เล่นเหมือนซังกะตายหมดอาลัยตายอยากในเกมเจอประจวบ แต่หลังจากนั้นทีมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ นักเตะชุดเดิม ระบบการเล่นคล้ายๆ เดิม แต่ที่แตกต่างไปคือรายชื่อผู้เล่นในสนาม
เราจะเห็นได้ว่าในช่วง 4 เกมที่ผ่านมา แฟนบอลกิเลนผยองได้เห็นนักเตะหลายๆ คนที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนาม หรือเป็นแค่ตัวสำรองในยุคโค้ชแบน ได้มีโอกาสลงสนามมากขึ้น บางคนเบียดลงตัวจริงต่อเนื่องเลยด้วยซ้ำ อย่าง รัชพล นาวันโน ,สรวิทย์ พานทอง สุพร ปีนะกาตาโพธิ์,ประสิทธิ์ ผดุงโชค และ ประกิต ดีพร้อม นักเตะเหล่านี้ได้รับโอกาสมากขึ้นในสามสี่เกมที่ผ่านมา และก็เล่นได้ดี
นอกจากนี้ยังมีดาวรุ่งอย่าง สุขสันต์ มุ่งเป้า กองหน้าทีมชาติชุดยู 19 ก็มีโอกาสได้ลงสนามมาเป้นสำรองอยู่บ่อยครั้ง และเกือบทำประตูได้ด้วย นี่คือสิ่งที่แตกต่างไปในยุคโค้ชแบน คือนักเตะเหล้านี้ได้โอกาสมากขึ้น
และอีกเรื่องนึ่งที่น่าแปลกก็คือ เฮแบร์ตี้ เฟอร์นันเดส ที่เปิดฤดูกาลมาปืนฝืดมาก ยิงไม่ได้เลย แต่พอเปลี่ยนโค้ชมายิงกระจุบกระจาย 5 ลูก เข้าไปแล้ว ส่วนหนึ่งอาจเป้นเพราะถูกดันขึ้นมาเล่นหน้าเป้าแทนที่ จาจ้า ที่เจ็บ ก็เลยทำให้ดาวยิงชาวบราซิลมีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้น รวมทั้งจังหวะลุ้นประตูด้วย
อีกเรื่องที่โค้ชใหม่ได้ปรับแท็คติกในทีมกิเลนผยองคือการดันเอส ทริสตอง โด ขึ้นมาเป็นตัวรุกทางฝั่งขวา และก็โดดเด่นมากในเกมล่าสุดที่ซัดประตูสุดสวยให้ทีมขึ้นนำราชนาวี 1-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผลงานในสนาม รูปเกมการเล่นต่างๆ ดูมีมิติ และมีความเข้าใจมีความมั่นใจกันมากขึ้น และก็ยิงประตูกันได้ต่อเนื่อง ผิดกับตอนที่โค้ชแบนยังอยู่ แต่ละเกมมันดูฝืดๆ กว่าจะยิงได้แต่ละลูกมันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน
ทั้งหมดที่พูดมาไม่ได้จะเปรียบเทียบการทำทีมระหว่าง โค้ชแบน กับอดีตผู้ช่วยของเขาอต่อย่างใด และไม่ได้บอกว่าใครเก่งกว่าใครนะครับ เพียงแต่บอกถึงจุดที่โค้ชใหม่ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบการเล่นเดิมๆ ว่ามันมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างก็แค่นั้นเอง
ผมต้องออกตัวก่อนว่าไม่ใช่แฟนเมืองทองฯ แต่เท่าที่ดูจากผลงานในตอนนี้ ผมว่าทุกอย่างมันกำลังไปได้สวย มันเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว และไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาโค้ชคนใหม่เลยผมว่า หรือถ้ายังไม่แน่ใจก็ลองดูผลงานไปจนจบเลกแรกก่อนว่ามันจะโอเคไหม ถ้ามันดีอยู่ผมว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนให้ สันติ ไชยเผือก นี่เหละคุมไปเลยยาวๆ
แต่ตามข่าวที่ว่ากันก็คือตอนนี้เหมือนทีมกิเลนผยอง จะหาโค้ชใหม่ได้แล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงการเจรจาขั้นสุดท้าย และคงจะเปิดตัวกันในเร็วๆ วันนี้ ถ้าทุกอย่างลงตัว ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไป
แต่สมมติถ้าได้โค้ชใหม่มาแล้ว ทีมมันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า หรือมันจะดีเหมือนตอนที่ โค้ชสันติ คุมอยู่หรือเปล่า อันนี้ก็คงไม่มีใครตอบได้ แต่แนวโน้มดูแล้วยังไงก็ต้องมีโค้ชคนใหม่เข้ามาแน่นอน เชื่อว่าบอร์ดกิเลนผยองคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะให้ สันติ ไชยเผือก คุมไปจนจบฤดูกาล คงจะต้องมีคนใหม่เข้ามา ไม่ช้าก็เร็ว
จากนี้ไปก็รอดูละกันว่าใครจะเข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมกิเลนผยอง ซึ่งคนที่เข้ามาแน่นอนว่าโปรไฟล์จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน และเป็นที่จับจ้องของทั้งแฟนบอลและสื่อมวลชน ถถ้าให้ผมเดาไม่แน่หลังสงกรานต์นี้น่าจะมีความชัดเจน เราก็รอดูกันต่อไป
แต่ถ้าเอาความรู้สึก และความเห็นส่วนตัว ผมว่า ณ เวลานี้ เอสซีจี เมืองทองฯ ยังไม่จำเป็นต้องเร่งหาโค้ชคนใหม่ ให้โค้ชที่ชื่อใหม่นี่แหละคุมไปเลยยาวๆ รับรองไม่ผิดหวัง
ชิชาริเต่า
