logo-heading

ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่รักสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบสุดขั้วหัวใจเลยก็ว่าได้สำหรับ ปาทริซ เอวร่า เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวแสดงออกเสมอมาตั้งแต่ครั้งเป็นนักฟุตบอล จนมาถึงปัจจุบันที่ถึงแม้จะนำสตั๊ดไปแขวนแล้วก็ยังคงหวงแหนสโมสรแห่งนี้อยู่เสมอ

และล่าสุดจากผลงานในสนาม ลามไปถึงการบริหารงานที่เข้าขั้นห่วยแตกของเหล่าผู้มีอำนาจในทีม มันเลยทำให้อดีตแบ็คซ้ายของทีมผู้นี้ร้อนใจทนไม่ไหวกับสิ่งที่ทีมรักเขากำลังเผชิญ และเมื่อสโมสรที่เขารักถูกปู้ยี่ปู้ยําแบบผิดๆ โดย เอวร่า ได้โพสต์วิดีโอความยาวกว่า 20 นาที ลงอินสตราแกรมสับแหลกเหล่าทีมบริหารของ "ปีศาจแด" โดยมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการซื้อนักเตะใหม่ ที่ถึงตอนนี้ท่ามกลางข่าวซื้อนักเตะมากมาย แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งจัดการปิดดีลคว้าตัว ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค มาได้แค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งอย่างที่กล่าวไปในช่วงรอบเดือนที่ผ่านมาชื่อของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นข่าวกับนักฟุตบอลทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 40-50 ราย แต่ทุกอย่างแม่งไม่ได้มีความคืบหน้าอะไรเลย  แม้กระทั่งดีลของ จาดอน ซานโช่ ที่ทำได้เพียงพูดประโยคสุดแสนคลาสสิคว่า "48 ชั่วโมง" ซึ่งเรื่องนี้ เอวร่า ได้พูดน่าสนใจเลยทีเดียว โดยยกตัวอย่างสมัยที่ทีมมี เดวิด กิลล์ นั่งแท่นประธานบริหาร คอยประสานงานกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เรื่องการซื้อนักเตะใหม่เข้าสู่ทีม โดยไม่ต้องไปเน้นข่าวที่ออกมา แต่ทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็วแทน  จดหมายเปิดผนึก! จาก เอวร่า แฉยับถึงการบริหารงานของบอร์ด แมนฯ ยูไนเต็ด "ในยุคของ เฟอร์กี้ กับ เดวิด กิลล์ เราแทบไม่ได้ยินข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เลย เราได้นักเตะอย่าง ฟาน เพอร์ซี่, เอวร่า, วิดิช หรือ เฟอร์ดินานด์ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สมัยก่อนสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยากได้ใครก็แค่เดินหน้าอย่างรวดเร็ว และเข้าไปคุยแบบซึ่งๆ หน้า ตอนที่ เฟอร์กี้ กับ กิลล์ มาคุยกับผมที่ โมนาโก ผมบอกเลยว่ามันแย่กว่าการโดน CIA หรือ FBI สอบปากคำเสียอีก" ต่อมากับประเด็นเรื่องการพูดคุยเจรจาก็อย่างที่ เอวร่า บอกไปแหละครับว่าแต่ก่อน แมนฯ ยูไนเต็ด อยากได้นักเตะคนไหนก็รุดเข้าไปหา และพูดคุยเจรจาปิดดีลอย่างรวดเร็ว โดยใช้บุคลากรที่รู้เรื่องฟุตบอลไปพูดคุย ซึ่งมันต่างจากยุคปัจจุบันเหลือเกินเพราะจากการเปิดเผยของ เอวร่า ได้บอกว่าการพูดคุยกันของทีมในตอนนี้คือการส่งทนายไปพูดคุยกับนักเตะ ใช่ครับ! คุณฟังไม่ผิด ทีมได้ส่งทนายไปพูดคุย แน่นอนว่ามันไม่ใช่การเจรจาในเรื่องของฟุตบอล แต่เน้นไปที่การหาผลประโยชน์ หรือพูดตรงๆ นั่นก็คือทีมสนใจแต่เรื่องของเงินๆ ทองๆ มากกว่านั้นเอง "ก่อนอื่นทุกคนต้องรู้ก่อนว่าทุกวันนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ส่งทนายไปพูดคุยกับนักเตะ แน่นอนเขาก็คอยแต่จะพูดถึงแต่เรื่องของตัวเลข ทีมไม่ได้ส่งคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลไปเจรจา ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นเมื่อเราอยากจะได้นักเตะสักคนหนึ่งมันเลยกลายเป็นว่าทีมต้องจ่ายเงินถึง 100 ล้านปอนด์ เพื่อให้ได้เข้ามาสู่ทีมทั้งที่นักเตะคนนั้นแม่งอาจมีค่าตัวแค่ 20 ล้านปอนด์ เท่านั้น แต่ทุกวันนี้แม้กระทั่งนักเตะแบบนั้นก็ไม่อยากได้เงินจากเราอีกต่อไปแล้ว" ถ้าจากสิ่งที่ เอวร่า พูดมามันยังเห็นภาพไม่ชัดเจน เจ้าตัวเลยเลือกยกเคสตัวอย่างที่เห็นภาพชัดแจ้งยิ่งกว่า 4K ออกมาให้ เพื่อจะได้เข้าใจกกันได้ง่ายมากขึ้น "ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือในรายของ อเล็กซิส ซานเชซ ที่ตอนแรกเขาได้ขอเงินจำนวนมากกับทาง แมนฯ ซิตี้ ซึ่งทางนั้นก็ได้ปฏิเสธที่จะยอมจ่าย ถึงขนาดที่ว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังพูดออกมเลยว่าถ้าจ่ายเงินในจำนวนที่ขอมาทีมคงถังแตกแน่ๆ แต่มันโชคดีสำหรับตัวของ อเล็กซิส เพราะทาง แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงออกชัดเจนว่าที่นี่พร้อมที่จะจ่ายเงินก้อนโต ซึ่งถึงแม้ทีมจะยอมจ่ายขนาดนั้นแต่เขายังจะพูดกับเอเยนต์ส่วนตัวนับตั้งแต่วันแรกที่มาซ้อมว่ายกเลิกสัญญาเลยได้ไหม ขนาดเขายังไม่อยากได้เงินของคุณขนาดนั้นเลย" Alexis 7 นอกจากนั้น เอวร่า ยังพูดจี้เป็นรายบุคคลชี้ไปถึงปัญหาที่ทาง เอ็ด วู้ดเวิร์ด ในฐานะซีอีโอของทีม มักจะเลือกทางเดินที่ผิดมักเชื่อใจให้คนที่ไปทำงานแทน และเชื่อใจพวกที่อยู่ภายนอกสโมสรมากจนเกินไป "มีคนบอกว่าผมด่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด เพราะด้วยความสนุก ผมอยากจะบอกนะว่าถ้าผมมีปัญหากับเขา ผมไม่มานั่งพูดผ่านโซเชียลแบบนี้หรอก ผมแค่ส่งข้อความไปหา หรือพูดคุยกันแบบตัวต่อตัว ปัญหาของเขาคือการเชื่อใจคนที่ไม่ควรจะเชื่อใจ และคนภายนอกสโมสรมากจนเกินไป นั้นเป็นปัญหาเดียวที่ผมจะพูดได้เกี่ยวกับตัวเขา" วกกลับมาในเรื่องของการซื้อนักเตะ เอวร่า ได้พูดออกมาว่าการทำงานของเหล่าผู้บริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก เพราะการส่งคนที่ไม่ได้รู้เรื่องของฟุตบอลจริง รวมไปถึงไม่ได้แสดงเจตนาในการพูดคุยว่ายากจะได้นักเตะคนนั้นมาร่วมทีมถือว่าเป็นบ่อขนาดใหญ่ที่ถูกขุดขึ้นมาฝั่งตัวเองอยู่หลายครั้ง  ซึ่งเรื่องนี้ เอวร่า ได้ยกตัวอย่างการเจรจากับนักเตะในแบบฉบับของ เรอัล มาดริด ให้ฟังว่าพวกเขาแสดงความจริงใจที่อยากจะได้ตัวถึงขนาดที่ว่าบางครั้ง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธาานสโมสรต้องเดินทางไปพูดคุยด้วยตัวเอง "ผมยกตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนเลยก็คือ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด ตอนที่เขาจะคว้าตัว คาริม เบนเซม่า, ราฟาเอล วาราน หรือ เมซุต โอซิล เขาจะบินไปหานักเตะที่ต้องการในทันที อย่างเช่นในรายของ เบนเซม่า ที่ เปเรซ ไปหาถึงบ้าน เพื่อพบกับคุณแม่ ซึ่งเมื่อพวกเขาอยากได้นักเตะแบบนั้นก็ต้องส่งคนที่รู้เรื่อง แลรู้จักสโมสรเข้าไปพูดคุย ไม่ใช่แค่ส่งทนายไปคุยแต่เรื่องของเม็ดเงิน" ต่อมาจะขาดไปไม่เลยนั่นก็คือการพูดไปถึงเจ้าของสโมสรอย่าง อัฟราม เกลเซอร์ กับ โจเอล เกลเซอร์ ซึ่งเรื่งนี้ เอวร่า ได้พูดออกมาได้น่าสนใจพอสมควร โดยบอกว่าแท้จริงแล้วทั้ง 2 คนนั้นรักสโมสรแห่งนี้เป็นอย่างมาก แต่ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจรับรู้ได้ถึงข้อมูลที่แท้จริง บวกกับการไว้ใจคนของตัวเองมากไป ทำให้ภาพลักษณ์ที่ออกมาเป็นที่เกลียดชังของเหล่าแฟนบอล  Avram Glazer "ผมขอพูดรื่องที่มันเซนซิทีฟหน่อยนะ คือเรื่องของ อัฟราม เกลเซอร์ กับ โจเอล เกลเซอร์ ผมอยากบอกว่าผมได้เจอกับ อัฟราม อยู่หลายครั้ง  ผมรู้ดีว่าแฟนบอล ยูไนเต็ด หลายคนเกลียดตระกูลเกลเซอร์ แต่เขาเป็นคนที่รักสโมสรแห่งนี้มาก" "ผมจำได้ว่าเคยพบกับเขาในเกมที่ทีมเจอกับ เปแอสเช วันนั้นผมเล่าเสียงตอบรับบางเรื่องให้เขาฟัง ซึ่งเขาไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลย มันอาจเป็นเพราะเชื่อใจ และคนที่ดูแลไม่ได้พูดข้อมูลที่ถูกต้องให้ฟัง ฉะนั้นแล้วก่อนที่เราจะมาไล่ด้วยการตะโกนไล่ว่า เกลเซอร์ ออกไป ผมอยากให้ทุกคนใจเย็นๆ ก่อน" สุดท้าย เอวร่า ในฐานะอดีตนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ของสโมสร ย่อมเข้าใจวัฒนธรรมของทีมได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะในเรื่องของความใจสู้ของนักเตะที่ต้องลงไปสู้แบบถวายหัวเพื่อตราสโมสรที่อกข้างซ้ายท รวมไปถึงแฟนบอลที่คอยสนับสนุนอยู่เคียงข้างแบบเสมอ  "พวกเขาเป็นแฟนบอลที่ดีที่สุดในโลก ใช่ แฟนบอลของเราเป็นแฟนบอลที่ดีที่สุดในโลก สมัยก่อนต่อให้เราเล่นแย่ขนาดไหนพวกเขาก็ไม่เคยโห่ใส่ แต่สันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเพราะพวกเขาไม่ได้รับสิ่งที่น่าพอใจ" "ฉะนั้นมันไม่ใช่ข้อแก้ตัวไม่ว่าจะเป็นนักเตะทีมชุดใหญ่ หรือเยาชน เมื่อคุณได้สวมเสื้อของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุณก็ไม่ควรที่จะทิ้งมันไปแบบดื้อๆ ที่จริงเราจะไปโทษพวกเขาก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้มีแบบอย่างให้เห็น แต่อย่างน้อยก็อยากให้ไปศึกษาดู DVD หรือ อ่านหนังสือศึกษากันซะหน่อย" แน่นอนว่าการออกมาเคลื่อนไหว ร่ายความสรู้สึกแบบยาวเหยียดของ เอวร่า ในครั้งนี้น่าจะสร้างอิมแพ็คต่อเหล่าสโมารได้มากพอสมควร ฉะนั้นแล้วต่อจากนี้มันน่าสนใจเลยทีเดียวว่าเหล่าบอร์ดบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเคลื่อนตัวอย่างไร เพราะตอนนี้ต้องยอมรับว่าสถานะของเขามันแทบไม่เหลือชิ้นดีให้นึกถึงกันอีกแล้ว

- เปา ขอบสนาม -

logoline