และแล้วฟุตบอลไทยลีก 2020 ก็กำลังจะได้ข่อสรุป หลังจากฟาดแข้งกันมาอย่างยาวนานข้ามปีแบบนี้ โดยสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในเกมนัดสุดท้ายก็คือ การเจอกันของสุพรรณบุรี กับ สุโขทัย ใครจะรอด ใครจะตกชั้น
หลังจากฟุตบอลไทยลีก 2020 เปิดฤดูกาลมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว จนมาถึงปลายเดือนมีนาคมปีนี้ ทุกอย่างกำลังจะได้ข้อสรุป เพราะวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคมนี้ จะเป็นเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลกันแล้ว
เรื่องของการลุ้นแชมป์และโควต้าเอซีแอล 2022 ก็จบไปเรียบร้อย ที่เหลือลุ้นก็คือว่า บีจี จะเป็นแชมป์แบบไร้พ่ายหรือไม่ และ เชียงราย กับ แบงค็อก ใครจะได้ที่ 4 เพื่อลุ้นส้มหล่นเอซีแอล กรณีที่บุรีรัมย์ ไปคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ
ส่วนที่ถือเป็นไฮไลท์ของเกมนัดปิดฤดูกาลก็คือการกนีตายของสองทีมท้ายตารางอย่าง สุพรรณบุรี เอฟซี กับ สุโขทัย เอฟซี ที่ดันบังเอิญโคจรมาเจอกันนัดนี้พอดี ซึ่งถือเป็นการหนีตายที่แฟร์ที่สุดแล้ว วัดกันไปเลย ใครชนะรอด ใครแพ้ตกชั้น
พูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ ทั้งสองทีมได้เปรียบกันคนละอย่าง เรามาว่ากันที่สุพรรณบุรี เอฟซี กันก่อน สิ่งที่ช้างศึกยุทธหัตถี ได้เปรียบในเกมนี้คือ จะได้เล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง แม้จะเข้ามาเต็มความจุไม่ได้ตามมาตรการช่วงโควิด แต่เชื่อว่าเกมนี้แฟนบอลเลือดสุพรรณมากันหนาตาแน่นอน
บวกเรื่องของขวัญกำลังใจที่เพิ่งจะเอาชนะเชียงราย มาในเกมตกค้างเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.64) ก็น่าจะทำให้มีความมั่นใจและมีพลังแฝงมากกว่าเดิม ซึ่งก็จะได้เปรียบตรงนี้
ในส่วนของความพร้อมก็จะได้กัปตันทีมอย่าง สุพรรณ ทองสงค์ พ้นโทษแบนกลับมายืนคุมแผงหลังอีกครั้ง เช่นเดียวกับ ประสิทธิ์ จันทุม ก็จะได้กลับมาลงสนามเช่นกัน แต่พวกเขาก็จะหมดสิทธิ์ใช้งาน กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ จอมทัพตัวเก่งที่ดันมาติดโทษแบนนัดนี้พอดี
นอกนั้นก็ไม่มีปัฯหาอะไร โดยตัวความหวังของทีมก้คือสองคู่หูแซมบ้าอย่าง เลอันโดร อัสซัมเซา กับ แฮริสัน ไคญอน ซึ่งเกมนี้ไม่มีข้อแม้อื่นนอกจากต้องชนะเท่านั้น พวกเขาถึงจะรอด ถ้าเสมอหรือแพ้ก็บ๊ายบายไทยลีกได้เลย
มาว่ากันที่ สุโขทัย เอฟซี สิ่งที่พวกเขาได้เปรียบคือสถานการณ์บนตารางคะแนน ที่อันดับดีกว่า โดยรั้งอันดับที่ 13 ของตาราง และมีแต้มมากกว่าสุพรรณุบรี 1 แต้ม โดยค้างคาวไฟมีอยู่ 28 คะแนน ดังนั้นเกมนี้พวกเขาขอแค่เสมอก็จะรอดตกชั้นทันที แต่อย่าลืมว่าบางทีการเล่นเพื่อเสมอมันก็ยากเหมือนกัน ดังนั้นตั้งเป้าไปเอาชนะจะดีกว่า
และอีกอย่างที่ทีมเยือนดูจะได้เปรียบเล็กๆ ก็คือเรื่องสภาพร่างกายที่ได้พักมามากกว่า เพราะไม่ต้องลงเตะนัดกลางสัปดาห์ แต่ทางสุพรรณบุรี แม้จะลงเตะมาแต่ชนะก็ได้เรื่องของกำลังใจ ก็ถือว่าวินๆ ทั้งคู่
เรื่องสภาพความพร้อมอย่างที่บอกว่าพักมาเต็มๆ ดังนั้นทุกตำแหน่งพร้อมเต็มถัง แถมตัวหลักยังไม่มีใครบาดเจ็บหรือติดโทษแบนอีกด้วย ทำให้โค้ชอั๋น สามารถที่จะจัดชุดใหญ่ได้เต้มอัตราศึก
โดยตัวความหวังก็อยู่ที่ จอห์น บาจโจ้ เดอะแบกของทีม และ อิบสัน เมโล่ กองหน้าตัวถล่มประตู
ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วดูจะไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันมากนัก และเป็นเกมที่สูสีสุดๆ ก่อนหน้านี้ ที่ชลบุรี ยังไม่ชนะเชียงราย หลายคนก็มองว่าทีมช้างศึกยุทธหัตถีเป็นรองหลายขุม และเป็นตัวเต็งที่จะตกชั้นตามระยอง และตราดไปไทยลีก 2
แต่เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้บอกเลยว่าทุกอย่างกลับมา 50-50 ได้เปรียบเสียเปรียบต่างกันตามที่ได้บอกได้ แต่มาเกมนี้เหมือนเป็นนัดชิงชนะเลิศ วันกันในสนาม 90 นาที ใครดีกว่าก็จะได้อยู่รอด
ดังนั้นเกมนี้บอกเลยว่าไม่มีทางที่จะคาดเดา ว่าใครจะเป็นทีมตกชั้นเพราะทุกอย่างอยู่ในสนาม อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ อยู่ที่เกมในวันนั้นจริงๆ มันเป้นไปได้ทั้งที่สุพรรณบุรี จะฟอร์มกระฉูดแตก เหมือนที่เล่นกับเชียงราย เพราะอย่าลืมว่าพวกเขาเล่นในบ้าน มีเสียงเชียร์จากแฟนบอล
ขณะที่ สุโขทัย อาจจะมาเข้าฝักได้ประตูขึ้นนำเร็ว เกมรับเหนียวแน่น สุพรรณบุรี เจาะไม่เข้า ผลการแข่งขันเป็นใจให้อยู่รอด คือทุกอย่างมันเป็นไปได้ทั้งหมด
ดังนั้นถ้าถามตอนนี้ก็คงจะมีแต่การเดาเท่านั้น ว่าทีมนั้นทีมนี้จะรอดหรือตกชั้น เอาเป็นว่าเราไปลุ้นพร้อมกันในวันที่ 28 มีนาคมนี้ รอดูว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน และดีพอที่จะอยู่ฟาดแข้งบนลีกสูงสุดของไทยต่อไป
