logo-heading

ย้อนเวลากลับไปในศึก ยูโร 2020 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมที่ เดนมาร์ก เจอกับ ฟินแลนด์ รอบแบ่งกลุ่ม เล่นทำเอาผู้คนทั่วโลกอกสั่นขวัญหายไปตามๆ กันเมื่อ คริสเตียน อีริคเซ่น เกิดวูบหมดสถิติคาสนาม โชคดีที่เหล่าบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพต่างก็ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทางแพทย์สนามก็เข้าไปช่วยกันทำ CPR จนหัวใจกลับมาเต้นอีกครั้งหลังจากหยุดชะงักไปกว่า 5 นาทีเลยทีเดียว และสุดท้ายก็เป็นไปตามคาดเพราะอาการของเขาถูกตรวจพบว่าเป็นหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน

คริสเตียน อีริคเซ่น : จากห้วงเวลาสู่ความตาย สู่การกลับมาด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้

อาการของ คริสเตียน อีริคเซ่น พ้นขีดอันตรายแล้วก็จริงหลังถูกส่งตัวไปรักษาตัวและดูอาการที่โรงพยาบาล ทว่าจากการเปิดเผยของ ดร.สกอตต์ มาร์รี่ย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางหัวใจของ  NHS (National Health Service (NHS) กลับเปิดเผยว่า คริสเตียน อีริคเซ่น อาจจะกลับมาเล่นฟุตบอลแบบปกติไม่ได้อีกแล้ว เพราะมันมีโอกาสที่อาการหัวใจวายเฉียบพลันนั้นจะเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 และในอดีตที่ผ่านมามันก็มีนักฟุตบอลหรือนักกีฬาหลายๆ คนที่เป็นเคสตัวอย่าง

คริสเตียน อีริคเซ่น : จากห้วงเวลาสู่ความตาย สู่การกลับมาด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้

"มันอาจทำให้เส้นทางค้าแข้งของ อีริคเซ่น ที่ อิตาลี ต้องปิดฉากลง เพราะตามกฏของที่นั่นได้ระบุเอาไว้ว่า หากใครมีอาการหรือความผิดปกติของหัวใจอย่างมินัยสำคัญห้ามลงเล่นกีฬาโดยเด็ดขาด นี่คือกฏที่เป็นมาที่อิตาลีเกินกว่า 20 ปี พวกเขาสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นจาก 3 เปอร์เซนต์กว่าๆ จนลดลงเหลือไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์"

"เขาจะต้องใช้ ECG ซึ่งเป็นเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบ 12 ตะกั่ว ซึ่งจะวัดกิจกรรมทางไฟฟ้าในหัวใจเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นสามารถเป็นตัวบ่งชี้ว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น เขาจะต้องใช้การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับกล้ามเนื้อหัวใจของเขา เขาจะต้องสแกน MRI หัวใจซึ่งเป็นการสแกนกล้ามเนื้อหัวใจอย่างละเอียดเพื่อดูว่ามีรอยแผลเป็นหรือไม่ เขาจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดและอาจต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจแบบพิเศษที่เรียกว่าเครื่องกระตุกหัวใจ ซึ่งจะตรวจสอบการเต้นของหัวใจทุกครั้งและจะบอกคุณว่าเมื่อไหร่ที่หัวใจจะเป็นเช่นนี้อีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้น เครื่องกระตุกหัวใจอาจช็อคหัวใจภายในได้"

ถึงแม้ คริสเตียน อีริคเซ่น จะติดตั้งเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจเอาไว้ แต่ตามกฏของทาง อิตาลี อย่างที่ ดร.สกอตต์ มาร์รี่ย์ ได้พูดไปมันก็เลยทำให้เขาจำใจต้องเก็บข้าวของไปจาก อินเตอร์ มิลาน แบบปฏิเสธไม่ได้ คำถามก็คือนับจากนี้ต่อไป กองกลางชาวเดนมาร์ก จะเอายังไงต่อไป ? จะเลิกเล่นไปเลยไหม ? หรือจะสู้ต่อเพื่อความฝัน ? 

"เป้าหมายของผมคือการได้เล่น ฟุตบอลโลก ที่กาตาร์ นั่นคือสิ่งที่อยู่ในหัวผมมาตลอด มันคือเป้าหมาย มันคือความฝัน ถึงแม้ว่าผมต้องเลือกเส้นทางอื่นแต่การกลับมาก็คือสิ่งที่ผมใฝ่ฝัน ผมรู้สึกได้เพราะมันไม่มีอะไรต่างกันเลย ร่างกายผมมันก็กลับมาแล้วด้วย"

"ความฝันของผมคือการกลับไปติดทีมชาติและเล่นที่ พาร์เค่น (รังเหย้าของทีมชาติเดนมาร์ก) เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่ครั้งเดียวและมันจะไม่เกิดขึ้นอีก ผมอยากพิสูจน์ว่าตัวเองยังไปต่อได้และสามารถเล่นทีมชาติได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้จัดการทีมด้วยว่าผลการประเมินเป็นยังไง"

คริสเตียน อีริคเซ่น : จากห้วงเวลาสู่ความตาย สู่การกลับมาด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้

นี่คือสิ่งที่ออกมาจากปากของ คริสเตียน อีริคเซ่น ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันการันตีว่าเจ้าตัวยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และจะขอสู้ต่อไป เพื่อกลับมาโลดเล่นบนสังเวียนลูกหนังอีกครั้ง และการได้ไปเล่น ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่ กาตาร์ ก็คือความฝันสูงสุดที่ตั้งเอาไว้

หลังจากใช้เวลาพักฟื้นร่างกายอยู่ราวๆ 6 เดือน คริสเตียน อีริคเซ่น ก็ได้โอกาสกลับไปอยู่กับฝึกซ้อมและใช้เวลาฟิตร่างกายกับ โอบี โอเดนเซ่ ในบ้านเกิดที่ เดนมาร์ก ซึ่งเป็นสโมสรเก่าของเจ้าตัวสมัยเป็นนักเตะเยาวชนช่วงปี 2005-08
ก่อนจะลุ้นว่า คริสเตียน อีริคเซ่น จะมีส่วนร่วมกับ ทีมชาติเดนมาร์ก ไหมในศึก ฟุตบอลโลก 2022 แน่นอนว่าด่านทดสอบครั้งสำคัญก็คือการกลับมาเฉิดฉายและโชว์ฟอร์มให้ดีในระดับสโมสร แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออาการหัวใจวายเฉียบพลันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีก 

ด้วยความที่สถานะของ คริสเตียน อีริคเซ่น เป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ สามารถย้ายไปร่วมทีมไหนก็ได้แบบไม่มีค่าตัว แน่นอนว่าชื่อชั้นและศักยภาพฝีเท้าของเขานั้นขายได้ เมื่อเราได้เห็นทิศทางด้านบวกเรื่องสภาพร่างกายและหนทางการกลับคืนสู่สังเวียนลูกหนังมันก็เลยทำให้หลายๆ ทีมแสดงความสนใจอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม ถึงแม้จะได้รับความสนใจจากหลายๆ ลีกในยุโรป แต่ความต้องการของพ่อค้าแข้งคนนี้ก็คือการกลับไปโลดแล่นผจญภัยที่ พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง

31 มกราคม 2022 ในที่สุดก็มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อ เบรนท์ฟอร์ด ทีมน้องใหม่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก ได้เซ็นสัญญาคว้าตัว คริสเตียน อีริคเซ่น ไปร่วมทีมด้วยสัญญาระยะสั้น 6 เดือน นับจากนั้นก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเรียกความฟิตและลงเล่นให้ทีมชุดสำรอง 2 นัด 

"เรามีโอกาสดึงผู้เล่นระดับ เวิลด์ คลาส มาร่วมทีม เบรนท์ฟอร์ด เขาไม่ได้ลงทีมฝึกซ้อมมานาน 7 เดือน แต่ก็ยังทำงานอย่างหนัก สภาพร่างกายของเขาสมบูรณ์ดี แต่เราต้องรอให้เขาพร้อมสำหรับการแข่งขัน ผมเฝ้ารอจะเห็นเขาร่วมงานกับนักเตะและสตาฟฟ์ เพื่อกลับสู่ฟอร์มสุดยอดของเขา ช่วงที่ดีที่สุด คริสเตียน มีความสามารถสำหรับชี้ขาดเกมฟุตบอล เขาสามารถหาช่องจ่ายบอลสุดท้าย และอันตรายด้านการทำประตู" โธมัส แฟร้งค์ กุนซือของทีมให้สัมภาษณ์พูดถึง คริสเตียน อีริคเซ่น ในฐานะนักเตะใหม่

ในที่สุด คริสเตียน อีริคเซ่น ก็ได้กลับคืนสู่สังเวียนฟลอร์หญ้าอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวได้โอกาสประเดิมสนามเกมแรกในสีเสื้อทัพ "ผึ้งพิฆาต" นัดที่เจอกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดยได้ลงสนามมาเป็นตัวสำรองแทนที่ มาธิอัส เยนเซ่น ในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ก็น่าเสียดายที่สุดท้ายเจ้าตัวไม่สามารถช่วยให้ เบรนท์ฟอร์ด รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ได้ 0-2

คริสเตียน อีริคเซ่น : จากห้วงเวลาสู่ความตาย สู่การกลับมาด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้

5 มีนาคม 2022 คริสเตียน อีริคเซ่น ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกม พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ มกราคม ปี 2020 วันที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เอาชนะ นอริช ซิตี้ ไป 2-1 กินเวลาร่วมๆ 773 วัน และที่สำคัญคือเกมนัดนี้ในฐานะนักเตะของ เบรนท์ฟอร์ด ก็ต้องเจอกับทัพ "นกขมิ้น" ด้วยเช่นกัน

คริสเตียน อีริคเซ่น มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ช่วยให้ เบรนท์ฟอร์ด บุกไปคว้าชัยด้วยสกอร์ 3-1 จนนำมาซึ่งการเกิดสถิติเด่นๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการ การได้ลงเล่นเต็มๆ 90 นาทีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2021 วันที่ อินเตอร์ มิลาน ชนะ เจนัว 3-0

ส่วนเกมดังกล่าว คริสเตียน อีริคเซ่น ได้จับบอลไปทั้งหมด 68 ครั้งซึ่งมากกว่าผู้เล่น เบรนท์ฟอร์ด ทุกคนในสนาม ผ่านบอลมากที่สุดในทีมที่ 46 ครั้ง ส่วนเรื่องของการสร้างสรรค์เกมก็มีการครอสส์บอลทั้งหมด 8 ครั้งซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือจังหวะที่มีส่วนทำให้ เบรนท์ฟอร์ด ขึ้นนำ 1-0 จาก อิวาน โทนี่ย์

คริสเตียน อีริคเซ่น : จากห้วงเวลาสู่ความตาย สู่การกลับมาด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้

ล่าสุด คริสเตียน อีริคเซ่น ก็ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอีกครั้งในเกม พรีเมียร์ลีก ที่ เบรนท์ฟอร์ด เปิดบ้านพบกับ เบิร์นลี่ย์ และก็โชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมต่อเนื่องในแบบที่เขาเป็นเหมือนกับตลอดช่วงที่ผ่านมา โดดเด่นในเรื่องการครองบอล เดินเกม ตลอดจนการผ่านบอล เขาคือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ เบรนท์ฟอร์ด เก็บ 3 แต้มสำคัญได้ในวันนั้นจากช็อตการทำแอสซิสต์อย่างงามให้ อิวาน โทนี่ย์ ใส่สกอร์ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาที 85 ก่อนจะนำมาสู่ประตูตอกฝาโลงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

เห็นแบบนี้แล้วเชื่อได้เลยว่าหลายๆ คนคงรู้สึกเสียดายที่ชวดโอกาสได้ตัว คริสเตียน อีริคเซ่น มาครองแบบไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่แดงเดียว จากนักเตะที่เคยอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตาย เกือบต้องล้มเลิกความฝันในการเป็นนักฟุตบอลเพราะปัญหาสุขภาพ ตัดภาพกลับมาตอนนี้ อีริคเซ่น เหมือนได้พรจากพระเจ้าให้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในแบบฉบับที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่า และการมาของเขาก็ยังช่วยยกระดับให้น้องใหม่อย่าง เบรนท์ฟอร์ด ผลงานและทรงบอลดูดีและอันตรายขึ้นแบบเห็นได้ชัดอีกด้วย

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline