logo-heading

นี่คือคำถามจากน้องคนนึง ที่พูดต่อหน้าด้วยความสงสัย ..

จะว่าไปมันเป็นคำถามที่ชวนอึ้งอยู่เหมือนกัน เพราะอาจด้วยเวลาที่มันกระชั้นชิด จนไม่มีเวลาประมวลความคิดเลยว่า ลิเวอร์พูล ไปทำแต้มหล่นกลางทางตรงนัดไหนบ้าง เพราะสิ่งที่มันพลุ่งพล่านเข้ามาในหัวตอนนั้นก็คือ ..

หงส์แดง ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ สู้เต็มที่ พยายามทำทุกวิถีทางแล้ว เพื่อหวังให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เพราะเดือนมกราคม ตามถึง 14 คะแนน ใครๆก็คิดว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นแชมป์แบบแบเบอร์ กระทั่งจู่ๆก็มาหายใจรดต้นคอ เหลือเพียงแค่ 1 คะแนน เมื่อผ่านมาถึงเดือนเมษายน

แต่พอได้นั่งคิดสักผ่าน นึกถึงเหตุการณ์ในหลายๆแมตช์ที่ผ่านมา นัดไหนที่ผมเสียดายมากสุด ก็โพล่งเข้ามาในหัวทันที นั่นคือเกมที่ ลิเวอร์พูล ต้องบุกไปเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 2-2 วันนั้นต้องใช้คำว่า "ไม่แพ้กลับมาก็บุญแล้ว" เพราะ ไก่เดือยทอง ทำหมูหกไปเยอะมาก บวกกับ หงส์แดง ได้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ และ ใช้โอกาสไม่เปลือง จนได้ 1 แต้มกลับออกมา

การแบ่งแต้มออกจาก เล้าไก่ เป็นอะไรที่น่าพอใจอยู่แล้วครับ แต่ที่มันเสียดายก็คือ ณ ตอนนั้น ประเทศอังกฤษ กำลังเจอวิกฤต โควิด-19 ระบาดหนักอีกระลอก นักเตะจากหลายๆสโมสรพากันติดเชื้อ จนเกมการแข่งขันต้องเลื่อนเป็นสัปดาห์

วันนั้นตรงกับช่วง บ็อกซิ่ง เดย์ เตะลากยาวไปถึงปีใหม่ .. ลิเวอร์พูล มีผู้เล่นตัวหลักติดเชื้อ โควิด-19 กันเพียบ อาทิ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, ฟาบินโญ่ และ ติอาโก้ อัลคันตาร่า สวนทางกับ สเปอร์ส ที่ได้ผู้เล่นชุดใหญ่กลับมาเต็มสูบ ทุกคนหายป่วยจาก โควิด-19 หลังจากถูกเลื่อนมาหลายเกม จริงๆแล้วไม่ได้เอามาเป็นข้ออ้าง แต่ถ้ามีตัวจริงฟัดกันคงสนุกน่าดู

ซึ่งนั่นแหละครับเป็นเหตุผลว่าทำไม ถึงเสียดายที่ ลิเวอร์พูล ทำแต้มหล่นไป ไม่ใช่เพราะผลงานไม่ดี แต่มันเป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ช่วงนั้น ลิเวอร์พูล เป๋ยาว หลังหลุดเสมอกับ สเปอร์ส 2-2 ก็บุกไปแพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-1 และ เจ๊ากับ เชลซี 2-2 นับเป็น 3 เกมเยือนติดต่อกัน ที่ หงส์แดง เก็บไปได้แค่ 2 คะแนน เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หงส์แดง ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้สมบูรณ์แบบตลอดเวลาขนาดนั้น พวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ ที่อาจก่อความผิดพลาดได้ตลอดเวลา มีอีกหลายเกมที่ทำผลงานได้ไม่ดีนัก เพราะต้องไม่ลืมว่า ลิเวอร์พูล สะดุดเสมอไปถึง 8 เกม ต่อให้จะแพ้แค่ 2 นัด

8 เกมที่ หงส์แดง พลาดท่าไปเสมอคู่แข่ง นั่นหมายความว่าพวกเขาทำแต้มหล่นไปถึง 16 แต้ม จาก 24 แต้ม นับว่าเยอะมหาศาล และ เมื่อได้เห็นผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น มันก็นึกได้ทันทีว่า นัดที่ทำได้เพียงเปิดถิ่นแอนฟิลด์ เจ๊ากับ ไบรท์ตัน 2-2 ก็เป็นอะไรที่น่าเสียดายเหมือนกัน

เกมเจอกับ ไบรท์ตัน นั้น ขุนพล เครื่องจักรสีแดง ควรจะต้องเก็บ 3 คะแนน ได้แบบสบายเท้า ออกนำ 2-0 ตั้งแต่ 24 นาที จากฝีเท้า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ซาดิโอ มาเน่ มองมุมไหน ก็ไม่มีทางที่ ลิเวอร์พูล จะทำแต้มหล่นได้เลย

แต่เมื่อปัดฝุ่นความทรงจำในเกมนั้น ก็จำได้ขึ้นใจว่า หงส์แดง ปล่อยให้ ไบรท์ตัน ได้ครองบอล และ บุกเข้าใส่ จากนั้นเรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อทัพ นกนางนวล ไล่ตามตีเสมอ 2-2 หน้าตาเฉย จาก 3 แต้มในกำมือ เหลือเพียงแค่ 1 คะแนน เท่านั้น

แน่นอนว่าตอนนั้นมันยังเพิ่งช่วงต้นซีซั่น มันอาจจะยังไม่ได้เห็นผลกระทบมากนัก เพราะฤดูกาลยังอีกยาวไกล ทว่า ณ ตอนนี้ มันกลายเป็นอีกหนึ่งบาดแผลสำคัญ ที่ส่งผลกระทบกับการทำคะแนนสู้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

นอกจากนี้ เกมที่ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำคู่แข่ง แต่ไม่สามารถปิดจ็อบด้วยการเก็บ 3 คะแนน มีทั้ง

เสมอ เบรนท์ฟอร์ด 3-3 (เหย้า)
เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 (เหย้า)
เสมอ เชลซี 2-2 (เยือน)

อย่างที่บอกครับ ไม่ได้เป็นการมานั่งไล่หาสาเหตุว่านัดนี้ที่ ลิเวอร์พูล ทำแต้มหล่น จนส่งผลกระทบถึงการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะพวกเขาก็ต่อสู้อย่างเต็มที่ แฟนบอลหลายๆคนยกธงขาวยอมแพ้ไปแล้ว แต่นักเตะและสตาฟฟ์โค้ชยังมีความเชื่อ จนทำแต้มจี้ตูด เรือใบสีฟ้า จนเกิดเป็นความหวังลุ้น 4 แชมป์ประวัติศาสตร์ขึ้นมา

แต่เกมเหล่านี้ มันจะเป็นบทเรียนอันล้ำค่าให้กับ ลิเวอร์พูล ได้มีประสบการณ์เก็บไว้ใช้ในซีซั่นหน้า เพราะถ้าพวกเขาจะต่อกรแย่งบัลลังค์แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้

พวกเขาต้องเพอร์เฟ็คท์มากกว่านี้ รอบคอบมากกว่านี้ ต้องพยายามรักษา 3 คะแนนให้ได้ เวลาขึ้นนำคู่แข่ง โดยเฉพาะคู่แข่งที่ไม่ได้มาจากบิ๊ก 6

ว่ากันตามตรง การลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สำหรับ ลิเวอร์พูล มันแทบจบลงแล้ว แม้ยังมีมุมที่ ปาฏิหาริย์อาจเกิดขึ้นได้ แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ยอมพลาดให้เลย หนำซ้ำยังยิงคู่แข่งบานตะไท เพื่อประกาศให้ หงส์แดง ได้รู้ว่า พวกเขาจะไม่ยอมเสียถ้วยนี้ไปอีกแล้ว

ดังนั้นอยู่ที่ ลิเวอร์พูล แล้วล่ะครับ ว่าพวกเขาจะสามารถคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ฤดูกาลนี้ มาครองได้หรือไม่ ซึ่ง เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่จะพบกับ เชลซี ในคืนวันเสาร์นี้ พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่

ไม่มีอะไรต้องเสียดาย ไม่ต้องย้อนไปรำลึกว่าพลาดนัดไหน เพราะแชมป์เท่านั้นที่มัน คู่ควรแก่การ "จดจำ"

ฮาย ฮาวดี้
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline