logo-heading

 

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จะช่วยอะไรให้ เชลซี ได้บ้าง ? การโยกย้ายของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งดีลที่น่าสนใจและแน่นอนว่าแฟนๆ ต่างก็ตั้งความหวังเอาไว้สูงมากๆ วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง นั้นจะสามารถช่วยเหลือหรือสร้างประโยชน์อะไรให้กับทัพ "สิงโตน้ำเงินคราม" ได้บ้าง ?

สถิติการพังประตู

ถ้าหากเทียบกับพวกทีมใหญ่ๆ ด้วยกันสิ่งหนึ่งที่ เชลซี ยังขาดอยู่ก็คือผู้เล่นที่เป็นระดับยอดดาวยิงที่สามารถหวังผลได้จากการระเบิดอย่างน้อย 20 ประตูต่อซีซั่น นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาไม่ได้อยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล รวมไปถึงความสำเร็จในรายการอื่นๆ

ถ้าย้อนกลับไปในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาก็จะเห็นหลักฐานที่ชัดเจนมากๆ โดยในฤดูกาล 2020-21 จอร์จินโญ่ คือผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดในลีกที่ 7 ประตู และถ้านับรวมทุกรายการจะเป็น แทมมี่ อบราฮัม ที่กดไป 12 ประตู ส่วนปีล่าสุด เมสัน เมาท์ คือคนที่ทำประตูได้มากที่สุดในลีกที่ 11 ประตู และถ้ารวมทุกรายการก็จะเป็น โรเมลู ลูกากู ที่ซัดไป 15 ประตู แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ใครๆ คาดหวังถ้าดูจากวินัย ความประพฤติ ผลงาน โอกาสลงเล่น และค่าตัวระดับสถิติสโมสรที่ 97.5 ล้านปอนด์

การย้ายมาของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง อาจไม่ได้ถูกมองว่าจะมาแทนที่ โรเมลู ลูกากู เพราะยืนกันคนละตำแหน่ง แต่ถ้าดูจากสถิติการพังประตูตลอดช่วง 7 ปีที่ผ่านมากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 131 ประตูจาก 339 เกม เฉลี่ยแล้วต่อปีมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 18 ประตู นับเป็นตัวเลขที่มากกว่าผู้เล่น เชลซี ทุกคนนับตั้งแต่ เอแด็น อาซาร์ ย้ายออกไปตอนปี 2019

ผลงานของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับผู้เล่น เชลซี ที่ทำประตูเยอะสุดตลอด 5 ซีซั่นหลังสุด

ฤดูกาล 2017-18 : เอแด็น อาซาร์ 17 ประตู - ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 23 ประตู
ฤดูกาล 2018-19 : เอแด็น อาซาร์ 21 ประตู - ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 25 ประตู
ฤดูกาล 2019-20 : แทมมี่ อบราฮัม 18 ประตู - ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 31 ประตู
ฤดูกาล 2020-21 : แทมมี่ อบราฮัม / ติโม แวร์เนอร์ 12 ประตู - ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 14 ประตู
ฤดูกาล 2021-22 : โรเมลู ลูกากู 15 ประตู - ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 17 ประตู

ยกระดับเกมรุก

นอกจากเรื่องสถิติการประตูจะโดดเด่นแล้วมันยังมีอีกหลายๆ สิ่งที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง จะสร้างประโยชน์ให้กับ เชลซี หลักๆ เลยก็คือเรื่องของความเร็วและความคล่องคล่องตัวในระดับสูง นี่คือสิ่งที่เป็นจุดเด่นของพี่แกที่สุดแล้วไม่ว่าจะเป็นยามมีบอลหรือไม่มีบอล และมันก็จะนำมาซึ่งการมีส่วนร่วมและการสร้างสรรค์เกมที่ดีไม่ว่าจะเป็นทำทางต่อให้เพื่อนหรือการหาจังหวะยิงประตูด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นตัวอันตรายของแนวรับคู่แข่งอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมก็จะเล่นง่ายและได้รับประโยชน์จากตรงจุดๆ นี้เช่นกัน

ประสบการณ์ใน พรีเมียร์ลีก

นักเตะดังๆ ฝีเท้าดีๆ หลายคนต้องมาจบชีวิตลงกับการค้าแข้งบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างดีๆ ให้เห็นอยู่ไม่น้อย แต่ว่านั่นน่าจะไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เพราะนี่คือนักเตะที่ผ่านประสบการณ์บนเวทีลีกสูงสุดของอังกฤษมาแล้วโชกโชนทั้งกับ ลิเวอร์พูล 4 ปี และก็ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีก 7 ปีได้เผชิญหน้ากับทีมแกร่งๆ มาแล้วมากมาย รวมไปถึงการค้าแข้งในระบบและแผนที่หลากหลายรูปแบบ ดังนั้นเรื่องของวิธีการรับมือกับความกดดันและการปรับตัวน่าจะผ่านได้สบายๆ แฟนๆ เชลซี หายห่วงได้เลย

การร่วมงานกับ เป๊ป

จากผู้เล่นที่มีดีแค่ความเร็วและสปีดที่จี๊ดจ๊าดสมัยอยู่กับ ลิเวอร์พูล ใช้โอกาสก็เปลือง แต่ปัจจุบันนี้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้ก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นระดับหัวแถวของวงการลูกหนังยุโรป มีความครบเครื่องและมีความอันตรายรอบด้านโดยเฉพาะในเรื่องของเกมรุก ทั้งการสร้างสรรค์โอกาส สร้างความแตกต่าง ตลอดจนสถิติการพังประตูที่ดีเยี่ยม และที่พี่แกสามารถก้าวมาอยู่ในจุดๆ นี้ได้ก็เป็นเพราะการมียอดกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นคนปลูกฝังและขัดเกลา

เรื่องรูปแบบและทิศทางการเล่นก็จัดว่าหลากหลายมากๆ ไม่ว่า เป๊ป จะวางแท็คติกมาแบบไหน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง คนนี้ก็สามารถทำความเข้าใจและรับผิดชอบบทบาทของตัวเองได้เป็นอย่างดี จริงอยู่ที่ทีมตำแหน่งปีกในระบบ 4-3-3 จะเป็นพื้นที่ๆ พี่แกสามารถแสดงพิษสงได้เต็มศักยภาพมากที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็สามารถเล่นในระบบ ฟอลส์ ไนน์ ได้และก็ช่วยให้ทีมเก็บผลที่้ต้องการได้อีกด้วย

ถ้าจะพูดถึงผู้เล่นทุกคนที่อยู่ภายใต้การบัญชาทัพของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขอบอกเลยว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง คนนี้คือคนที่ผลงานดีที่สุดเป็นเบอร์ต้นๆ เลยก็ว่าได้ เพราะเขามีส่วนร่วมถึง 186 ประตูในการร่วมงานกับกุนซือชาวสแปนิช โดยแบ่งเป็น ยิง 120 ประตูและทำไป 66 แอสซิสต์ เป็นรองแค่เพียง ลิโอเนล เมสซี่ คนเดียวเท่านั้นที่มีส่วนร่วมไปมากถึง 291 ประตู

ส่วนใหญ่แล้วผู้เล่นคนไหนที่ผ่านการปลูกฝังและขัดเกลามาจากชายที่ชื่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถเล่นให้กับทีมไหนก็ได้ แน่นอนว่า เชลซี ของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่รูปแบบและระบบแผนไม่ได้แตกต่างกันมากนักก็น่าจะดูเหมาะเหม็งดีกับการมี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นหนึ่งในหมากตัวสำคัญ

การลุ้นแชมป์

ความสำเร็จเป็นสิ่งที่ทุกๆ สโมสรต้องการและแน่นอนว่าเป้าหมายของ เชลซี ในฤดูกาล 2022-23 ก็คือการยกระดับตัวเองก้าวขึ้นไปท้าทายและแข่งขันแย่งถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล รวมไปถึงในรายการอื่นๆ ด้วย สำหรับตัวของ สเตอร์ลิ่ง นั้นก็ผ่านประสบการณ์การสัมผัสถ้วยแชมป์มาแล้วไม่น้อย เขาเป็นผู้เล่นที่เคยอยู่กับ "เรือใบสีฟ้า" และ "หงส์แดง" ในยุคที่ลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวมาแล้วดังนั้นประสบการณ์ตรงนี้สามารถช่วยเหลือทีมอย่าง เชลซี ได้แน่

สมัยอยู่กับ ลิเวอร์พูล ปีที่เขาแจ้งเกิดจนกลายเป็นขุมกำลังสำคัญและโชว์ฟอร์มได้ดีเอามากๆ ปีนั้นทีมของเขาก็มีโอกาสคว้าแชมป์มาครองได้ เช่นเดียวกับตอนอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ที่ถูกมองว่าเป็นทีมเต็งแชมป์ทุกปีทางตัวของ สเตอร์ลิ่ง ก็รักษามาตรของตัวเองได้ดีคงเส้นคงวาอยู่เสมอ

มีการเปิดเผยสถิติออกมาว่านับตั้งแต่ฤดูกาล 2015-16 ที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ พี่แกคือผู้เล่นที่ลงสนามแล้วพาทีมเก็บชัยชนะได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ที่ 154 นัด ถ้านับแค่ช่วงเวลาดังกล่าวถึงปัจจุบัน ถ้าจะมองว่าเป็นอีกหนึ่งแข้งตัวนำโชคที่ถูกโฉลกกับการลุ้นแชมป์ก็ได้อยู่เหมือนกัน

ถ้า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนสมัยอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถิติการพังประตู การสร้างสรรค์เกม หรือการมีส่วนร่วมต่อทีม บวกกับความสามารถและทักษะส่วนตัวที่อันตรายรอบด้านก็น่าจะช่วยยกระดับทีมอย่าง เชลซี ที่แข็งอยู่แล้วให้แกร่งยิ่งขึ้นไปอีก แน่นอนว่านี่จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างให้ทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล เข้าใกล้กับสองทีมนั้นมากขึ้นในการล่าความสำเร็จ สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องรอติดตามกันต่อไป

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline