หลังเกม เชลซี อาการร่อแร่ ยังแพ้ยับให้กับ แมนฯ ซิตี้

ชนิดที่รูปแบบการเล่น ต้องบอกว่า "ทรงอย่างแบด" จริงๆ ไม่มีหนทางที่จะสู้กับลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เลย

ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ย้ำแค้นใส่ เชลซี กับ พ็อตเตอร์ อีกครั้ง โดยเป็นการชนะ 2 เกมติดต่อกัน ทั้งในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ เอฟเอ คัพ เอาเป็นว่าเกมนี้มีอะไรต้องพูดถึง พ็อตเตอร์ กันบ้าง ส่วนนักเตะ เรือใบสีฟ้า ที่ทำประตูนั้น สร้างสถิติอะไรเอาไว้ ไปติดตามกันได้เลยครับ

- ตัวสำรองที่ไม่สำรองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แทบจะเปลี่ยนตัวผู้เล่นแบบยกชุด จากเกมนัดก่อนที่บุกไปเอาชนะ เชลซี มาได้ 1-0 ในเวอร์ชั่น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยดรอปทั้ง เควิน เดอ บรอยน์, เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, เอแดร์ซอน หรือ เจา กานเซโล่ เป็นต้น และ เลือกส่งพวก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ, ริยาด มาห์เรซ หรือ โคล พาลเมอร์ ลงมาเล่นแทน

ที่พูดมาคือบรรดาตัวสำรองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่มันเป็นตัวสำรองที่ไม่ใช่สำรอง เพราะศักยภาพฝีเท้าไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงขุมกำลังอันแข็งแกร่งของ เรือใบสีฟ้า ที่ไม่ว่าใครจะลงมา ก็สามารถทดแทนได้หมด

ซึ่ง 4 ประตูที่ แมนฯ ซิตี้ ดาหน้าไล่ยิง เชลซี นั้น ประกอบไปด้วย มาห์เรซ 2 ลูก, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ 1 ลูก และ ฟิล โฟเด้น อีก 1 ลูก ซึ่งทั้ง 3 คน ที่ทำประตูได้นั้น สร้างสถิติเอาไว้ดังนี้

เริ่มจาก มาห์เรซ ต่อให้เขาจะนั่งสำรอง มากกว่า ลงเล่นเป็นตัวจริง แต่เมื่อใดที่เขาได้รับโอกาส ก็จะสามารถไขว่คว้าได้อยู่เสมอ โดยตลอด 3 นัด ที่ดาวเตะทีมชาติแอลจีเรีย ลงเจอกับ เชลซี เขาสามารถยิงได้ถึง 4 ประตู นับว่าถูกโฉลกเหลือเกิน

ต่อมา ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ หนึ่งเดียวของนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2022 ผลงานยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง และ คงทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยิ่งปวดหัวในการจัดทีมเข้าไปใหญ่ เพราะการยิงใส่ เชลซี ในเกมนี้ ทำให้ อัลวาเรซ ยิงประตูครบทุกรายการเรียบร้อย ไล่ตั้งแต่ พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ และ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 

นอกจากนี้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ยังสร้างสถิติลงเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว 22 เกม เป็นตัวจริง 9 เกม แต่ยิงได้ถึง 8 ประตู นับเป็นผลงานมาสเตอร์พีซจริงๆ หวังว่าจะได้เห็นการเล่นร่วมกันกับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ มากยิ่งขึ้น

ปิดท้ายกันที่ ฟิล โฟเด้น เขายังคงแสดงให้เห็นว่าทำไมถึงเป็นหนึ่งในดาวรุ่ง ที่พุ่งทะยานมากที่สุด เพราะต่อให้เพิ่งอายุแค่ 22 ปี แต่ประสบการณ์ของเขามันเหลือรับประทาน เนื่องจากได้ลงเล่นชุดใหญ่มาอย่างยาวนาน ซึ่งการซัลโวประตูใส่ เชลซี นั้น ทำให้เขากลายเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ซัดในศึก เอฟเอ คัพ 5 สมัย ติดต่อกัน

- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของแสลง เกรแฮม พ็อตเตอร์

ชั่วโมงนี้ การทำทีมของ พ็อตเตอร์ มันช่างเข้ากับเพลง ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อยจริงๆ และ ยิ่งต้องมาเจอกับ แมนฯ ซิตี้ 2 นัดติดต่อกัน ทำให้รู้เลยว่า ระดับมันห่างชั้นกันแค่ไหน

ซึ่งใครจะเชื่อล่ะครับว่า พ็อตเตอร์ มาคุม เชลซี ได้ประมาณ 3 เดือน จะต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้ว 3 นัด และ 3 นัดที่ว่านั้น ก็ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของ สิงห์บลูส์ ทั้งหมด เริ่มจากแพ้ 0-2 ตกรอบรายการ คาราบาว คัพ, ต่อด้วยแพ้ 0-1 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ ล่าสุดโดนเชี่ยตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ

ทำให้ พ็อตเตอร์ มีสถิติคุมทีมเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแล้วทั้งหมด 10 นัด เขาแพ้ไปถึง 9 นัด นับเป็นของแสลงอย่างแท้จริง เจอ เรือใบสีฟ้า เมื่อไหร่ พ่ายแพ้เมื่อนั้น นอกจากนี้ พ็อตเตอร์ ยังพาทีม เชลซี ตกรอบ 3 เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ซึ่งครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในเกมที่แพ้ต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-5 เมื่อซีซั่น 1997-98

- พ็อตเตอร์ จะอยู่หรือไป

เกรแฮม พ็อตเตอร์ ไม่ได้เข้ามานั่งในหัวใจแฟนบอล เชลซี ตั้งแต่แรก เพราะแฟนบอลไม่เคยต้องการแยกทางกับ โธมัส ทูเคิ่ล ทว่า ท็อดด์ โบห์ลี่ ต้องการความเปลี่ยนแปลง และ ได้โละหลายบุคคลที่เคยทำงานในยุคของ โรมัน อบราโมวิช 

7-8 เกมแรก เป็นช่วง ฮันนี่มูนพีเรียด เก็ยชัยชนะได้ถึง 5 นัด และ เสมอ 3 นัด ไม่แพ้ใครเลย แต่ทว่าสาวก สิงห์บลูส์ ก็ยังมองว่าเป็นภาพลวงตา ยังไม่ได้เชื่อมั่นในฝีมือของ พ็อตเตอร์ จริงๆ เพราะทรงบอลการเล่นของเฮดโค้ชรายนี้ ยังไม่มีอะไรที่มันชัดเจน

ซึ่งสิ่งที่แฟนบอลคาดเดาเอาไว้ ก็เกิดขึ้นจริงๆ เพราะ 10 นัดหลังสุดที่ พ็อตเตอร์ ลงคุมทีม เชลซี โดยแพ้มากถึง 6 นัด, เสมอ 1 นัด และ ชนะได้เพียงแค่ 4 เกม เท่านั้น นับเป็นผลงานที่ย่ำแย่สุดๆ เพราะไม่ใช่แค่ตกรอบ เอฟเอ คัพ แต่ในลีกก็ร่วงมาอยู่อันดับ 10 ห่างจากพื้นที่ท็อป 4 ถึง 10 คะแนน

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมระหว่างเกม แฟนบอล สิงโตน้ำเงินคราม ถึงมีการตะโกนร้องเพลงเรียกชื่อ โธมัส ทูเคิ่ล ในเกมที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบเละเทะ เพราะพวกเขาคงคิดถึงเฮดโค้ชเก่าคนนี้มากแน่นอน เนื่องจากผลงาน พ็อตเตอร์ มันย่ำแย่เกินรับไหวจริงๆ

ไม่รู้ว่านับจากแมตช์นี้ อนาคตของ พ็อตเตอร์ กับ เชลซี จะอยู่ได้อีกยาวหรือไม่ เพราะวัดจากผลงาน มีโอกาสโดนปลดออกจากตำแหน่งได้ง่ายๆ รวมถึงแฟนบอลก็ไม่ต้องการ พ็อตเตอร์ อีกแล้ว โดยเห็นฟีดแบ็กได้จากแฟนบอลทางโซเชี่ยล มีแต่คนด่าเรื่องแท็คติค และ ทรงบอลที่ดูไม่มีอะไรเลย

ฮาย ฮาวดี้-