ใกล้เข้ามาขึ้นทุกทีแล้วนะครับ ในศึกชิงตำแหน่งจ่าฝูง ระหว่าง ลิเวอร์พูล เปิดบ้านรับการมาเยือนของ อาร์เซน่อล โดยทั้งสองทีมอยู่ในช่วงที่ฟอร์มกำลังมาแรงทั้งคู่ เอาเป็นว่าจุดที่น่าจับตามองก่อนเกมจะมีอะไรบ้าง ขอบสนาม จะพาไปรับชมรับฟังกันครับ
[ ปืนใหญ่ ไม่ชนะ ลิเวอร์พูล ในบ้านมา 10 นัดติดต่อกัน ]
ในการมาเยือน แอนฟิลด์ ของไร อาร์เซน่อล ทีไรบอกได้เลยว่าจบไม่สวยแทบจะตลอด ครั้งล่าสุดที่ ทัพปืนใหญ่ บุกมาเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ที่สนามแห่งนี้ต้องย้อนไปไกลถึงฤดูกาล 2012 ซึ่งมันกินเวลามากว่า 11 ปีแล้ว
โดยเกมนั้น มิเกล อาร์เตต้า ได้ลงสนามเป็นตัวจริง และทีมได้ 2 ประตูจาก ซานติ การ์ซอล่า และ ลูคัส โพดอลสกี้ ช่วยกันยิงประตู พา อาร์เซน่อล คว้าชัยไปด้วยสกอร์ 2-0
หลังจากเกมวันนั้น อาร์เซน่อล ก็ไม่เคยไปเก็บชัยที่ แอนฟิลด์ ได้เลย เป็นจำนวน 10 เกมติดต่อกัน แบ่งออกเป็นแพ้ 7 เกม และเสมออีก 3 เกม โดนยิงไป 34 ประตู โดยเฉลี่ยก็โดนนัดละ 3 ตุง แถมยังยิงได้แค่ 12 ประตูเท่านั้น
เพราะฉนั้นแล้วการไปเยือน แอนด์ฟิลด์ แล้วหวังจะเก็บ 3 แต้มบอกได้เลยว่า ไม่ง่าย!
[ จุดเริ่มต้นของความหายนะ ]
นอกจากนั้นแล้วการมาเยือน แอนฟิลด์ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะ ที่ทำให้ อาร์เซน่อล พลาดแชมป์ไปแบบเจ็บปวดรวดร้าวสุดๆ
ในเกมดังกล่าว อาร์เซน่อล เริ่มต้นได้เหมือนฝันบุกไปยิงเร็วถึง 2 ประตู ได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกมจากประตูของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ กาเบรียล เชซุส
แต่จุดเปลี่ยนของเกมก็ได้เกิดขึ้นในช่วงท้ายครึ่งแรก ในจังหวะที่ กรานิต ชาก้า มีปัญหากับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ทำให้สถานการณ์ใน แอนฟิลด์ นั้นเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังตีน
จากที่กองเชียร์ในสนามเงียบกริบ กลับกลายเป็นเหมือนปลุกปีศาจให้ตื่นขึ้นมา หลังจากจังหวะนั้น เครื่องจักรสีแดง ก็ได้เกินหน้าบดขยี้ ไอปืนใหญ่แบบไม่ยั้งหยุด จนมาได้ประตูตีไข่แตกจาก โม ซาล่าห์ ก่อนหมดเวลาในครึ่งแรก
ครึ่งหลังก็เป็นเช่นเดิมเป็นทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่พับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว จนมาได้ประตูตีเสมอจาก โรแบร์โต่ ฟีร์มีโน่ และเกือบยิงแซงได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ด้วยความยอดเยี่ยมของ อาร่อน แรมส์เดล ที่ยังเซฟลูกยิงจ่อๆของ อิบราฮิมา โคนาเต้ ได้ พา อาร์เซน่อล บุกมาเจ๊าเอา 1 แต้มกลับบ้านได้แบบปางตาย
[ แบ็คทั้งสองข้างของ อาร์เซน่อล ยังมีปัญหา ]
ต้องยอมรับกันตามตรงว่าจุดอ่อนที่ยังเป็นปัญหาของ อาร์เซน่อล ในชุดนี้ก็คงเป็นตำแหน่งแบ็คทั้งสองข้างนี่แหละครับ โดยเฉพาะ เบน ไวท์ ที่ฟอร์มตกลงไปแบบดื้อๆ เหมือนกัน เกมรับจากที่เคยเป็นจุดเด่ด ก็ทำได้ไม่ดีเหมือนเดิม
ซินเชนโก้ เองแม้จะโดดเด่นในเรื่องการเล่นเกมรุก และการปั้นเกมในแดนกลาง แต่จุดอ่อนหลักๆของพี่แก เลยก็คือการเล่นเกมรับ ที่มักมีปัญหาอยู่เป็นประจำเวลาที่เจอกับปีกจี๊ดๆ แล้วยิ่งต้องมาเจอกับ โม ซาล่าห์ และ เทรนต์ ในเวลานี้ที่ทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มอีก ถ้า มิเกล อาร์เตต้า ไม่แก้ปัญหาในจุดนี้บอกได้เลยว่าเละแน่ๆ
[ เกมรุกมีทีเด็ดทั้งคู่ ]
ถ้าดูจากสถิติการทำประตูของทั้งสองทีมใน พรีเมียร์ลีก ต้องบอกได้เลยว่าใกล้เคียงกันมากๆ โดย ลิเวอร์พูล ทำประตูไปแล้ว 36 ประตู ส่วน อาร์เซน่อล ทำไป 35 ประตู ต่างกันเพียงประตูเดียวเท่านั้น
ส่วนนักเตะที่เป็นตัวทีเด็ดในเกมรุกของทางฝั่ง หงส์แดง คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โม ซาล่าห์ ที่ทำไปแล้ว 11 ประตู พ่วงด้วย 7 แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีก เป็นรองเพียงแค่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เท่านั้น
ส่วนทางฝั่ง อาร์เซน่อล ก็คงต้องยกให้ บูกาโย่ ซาก้า ที่ทำไปแล้ว 5 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ คงต้องมาติดตามกันต่อไปว่าในเกมคืนพรุ่งนี้ใครจะมีทีเด็ดกว่ากัน
[ ศึกชิงตำแหน่งจ่าฝูง ]
นัดนี้จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแมตซ์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งของทั้งสองทีมเลยก็ว่าได้ เพราะจะเป็นการเจอกันเองระหว่างทีมจ่าฝูง และรองจ่าฝูง ซึ่งมีแต้มห่างกันเพียงแต้มเดียวเท่านั้น
แม้ ลิเวอร์พูล จะมีสถิติการเล่นในบ้านที่ยอดเยี่ยม แต่เชื่อได้เลยว่า อาร์เซน่อล จะมาเล่นเกมนัดนี้เพื่อเกม 3 แต้มล้างตาจากเกมเมื่อฤดูกาลที่แล้วอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเกมนี้ออกได้ทั้ง 3 หน้าเลยก็ว่าได้
โดยใครสามารถเก็บชัยในคืนวันพรุ่งนี้ได้สำเร็จ จะขึ้นไปยืนในตำแหน่งจ่าฝูง แถมยังตัดแต้มอีกทีมที่เป็นคู่แข่งในการลุ้นแชมป์ได้อีก คงต้องมาติดตามกันครับ ว่าพรุ่งนี้ผลจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วมาเจอกันหลังเกมครับ
- บีเบลล์ กูนเนอร์ -
