ย้อนกลับไปถึงวันที่ นูนเญซ แปลงร่างกลายเป็นนักเตะของ “หงส์แดง” ค่าตัวคือเรื่องที่ถูกสร้างมากดดันเขาไม่น้อย อีกทั้งผลงานเมื่อครั้งกับ เบนฟิก้า คือมาตรฐานชั้นต้นที่เขาเองต้องทำให้ได้ และพัฒนาต่อยอดไปให้ไกลกว่าเดิม
สิ่งที่เขาเองต้องเผชิญแน่นอนว่าความกดดันที่ไม่อาจเลี่ยงได้ การเล่นกับ ลิเวอร์พูล ย่อมต้องมีอะไรมากกว่าแค่ลงไปทำประตู แต่ต้องสร้างประโยชน์ในภาพรวมให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ขวบปีแรกผ่านไปถามว่าน่าพอใจไหม ? ก็อาจมองว่าไม่ถึงขั้นสอบผ่านแบบฉลุย แต่ก็ไม่ได้สอบตกแบบน่าผิดหวัง จำนวน 15 ประตู ถือว่าออกสตาร์ทขวบปีแรกที่อังกฤษแบบไม่ได้แย่มากนัก
ทว่ากับฤดูกาลที่สองกับ ลิเวอร์พูล สถานการณ์ของ นูนเญซ ดูจะไม่ค่อยสวยมากนัก เขากลายเป็นตัวเลือกสำรองแทบจะลำดับสุดท้ายเลยก็ว่าได้
ซึ่งจากการเปิดเผยของ ลิเวอร์พูล เอคโค่ ในช่วงเปิดซีซั่นระบุว่า นูนเญซ ซ้อมไม่ได้เข้าแผนของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มากนัก บวกกับ โคดี้ กักโป ยกระดับตัวเองขึ้นมาได้ดีเรื่อยๆ จนกลายเป็นทางเลือกในการถูกส่งลงสนามมาก่อน
แน่นอนในตอนนั้นสิ่งที่ นูนเญซ ทำคือก้มหน้าซ้อมอย่างหนักต่อไป ข้อดีคือช่วงปรีซีซั่นเขาได้รับโอกาสค่อนข้างบ่อย บวกกับความมั่นใจในตัวเองที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ทุกอย่างเหมือนมันถูกระเบิดออกมาในวันที่พบกับ นิวคาสเซิ่ล
จากสถานการณ์ที่ทีมตาม นูนเญซ คือฮีโร่อย่างแท้จริงลุกจากม้านั่งสำรองมากระซวก 2 ประตู พาทีมพลิกนรกกลับมาคว้าชัย
แน่นอนนี่คือเกมที่เรียกพลังทุกอย่างของ นูนเญซ กลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะความมั่นใจ ที่เขาเองก็รอโอกาสเหล่านี้อยู่เช่นกัน
แต่กระนั้นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้คือจังหวะนรกของ นูนเญซ ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ ช็อตหมูหกพลาดช็อตทำประตูแบบเหลือจะเชื่อยังมีให้ได้เห็น และนั่นคือสิ่งที่เขาเองต้องเรียนรู้ และนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง
เคยมีการวิเคราะห์ว่าข้อเสียของ นูนเญซ ในจังหวะสุดท้ายคือเป็นนักเตะจำพวกที่เน้นยิงแรง ยิงแบบซัดเต็มตีน มากกว่าเน้นทิศทาง ทำให้ความเฉียบคมมันลดน้อยถอยลงไป เลยกลายเป็นที่มาของความผิดพลาดหลายๆ ครั้งในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งไม่แปลกเลยถ้าจะมีคนบอกว่าถ้าเขามีความสร้างสรรค์ในการจบสกอร์กว่านี้ตัวเลขการทำประตูคงจะสูงกว่านี้ไปหลายเท่าตัว และยิ่งมาดูสถิติที่นับเฉพาะในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ นูนเญซ มีโอกาสผลิตประตูมากถึง 61 ครั้ง แต่แปรเปลี่ยนเป็นเพียง 7 ตุง
เฉลี่ยง่ายๆ ทุกๆ การง้างเท้าทำประตู 8 ครั้งจะเป็น 1 ตุง ตัวเลขตรงนี้เขาเป็นรองเพียง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (4.6 ครั้ง/ประตู) กับ ดิโอโก้ โชต้า (3.7 ครั้ง/ประตู) เท่านั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ นูนเญซ มีอยู่ในตัวคือคุณภาพ ซึ่งเรื่องนี้ คล็อปป์ รู้ดีว่าลูกทีมคนนี้มีพิษสง และจุดเด่นตรงไหน พร้อมเคยบอกว่านี่คือภัยคุกคามต่อฝ่ายตรงข้ามอย่างแท้จริง
จุดเด่นของดาวยิงรายนี้ไม่ใช่เพียงแค่การทำประตูเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่มันย้อนกลับไปถึงประโยคข้างต้นที่ว่าการเป็นนักเตะของ ลิเวอร์พูล ต้องสร้างประโยชน์ต่อภาพรวมด้วย
วันนี้ นูนเญซ สามารถลงมาล้วงบอลเพื่อช่วยบิวท์ อัพ เกมจากแดนหลัง ความขยันที่พุ่งขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ความทุ่มเทตรงนี้เขาได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมาก เมื่อทุกอย่า’มันสอดคล้องกันไปหมดก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเค้นศักยภาพของเขาออกมา
เพียงแต่ภาพจำส่วนใหญ่ของแฟนบอลคือความผิดพลาดเรื่องการทำประตู ยิงชนเสา ยิงชนคาน หลุดเดี่ยวยิงออกอะไรประมาณนี้
ซึ่งถ้าถามว่า ดาร์วิน นูนเญซ ในวันนี้เป็นดาวยิงระดับพระกาฬหรือยัง ?
คงต้องตอบกันแบบตรงๆ ว่ายังไม่ใช่
7 ประตูในพรีเมียร์ลีก เป็นเหมือนระลอกที่ระดมทำประตู หลังลงมาเป็นสำรองซัด 2 ใส่ นิวคาสเซิ่ล แล้วก็เว้นว่างไป 2 เกม ก่อนกลับมามีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดอีกครั้ง หลังจากนั้นหายไปอีก 3 นัด กลับมาพาบอลซุกก้นตาข่ายในเกมเอาชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
จากนั้นกลายเป็นหายยาว และเป็นห้วงเวลาที่เขาโดนกระแสวิจารณ์อีกครั้งหลังไม่ทำประตูในเกมลีกติดต่อกัน 8 เกม รวมเป็นเวลากว่า 500 นาทีในสนาม
แต่ถ้าถามว่าวันนี้ภาพรวมของ นูนเญซ น่าพอใจขนาดไหน ? ต้องยอมรับว่าทิศทางทุกอย่างมันออกมาในแง่บวกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การมีส่วนร่วมกับเกม การช่วยเกมรับ การช่วยวิ่งไล่เพรสซิ่งคู่แข่ง คือภาพที่เชื่อว่าแฟน หงส์แดง คงพอใจกับสิ่งที่ นูนเญซ กำลังลงมือทำ
จากนี้คือเรื่องของมาตรฐานที่คือปัจจัยสำคัญในการพา นูนเญซ ยกระดับตัวเองไปให้ได้ไกลกว่านี้
การทำประตูยังเชื่อว่า นูนเญซ สามารถพัฒนาตัวเองได้มากกว่าที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าต้องขัดเกลากันอีกหน่อยให้ทุกอย่างมันลงตัว
ถ้าวิจารณ์เรื่องการทำประตู แน่นอน นูนเญซ ย่อมตกเป็นเป้าโจมตีได้อย่างง่ายๆ จากภาพที่ปรากฎในช่วงที่ผ่านมา
แต่ถ้าโฟกัสในภาพรวมทั้งหมด นูนเญซ กำลังเดินในเวย์ของตัวเอง เล่นในรูปแบบที่กุนซือต้องการ นักเตะในแบบฉบับที่ คล็อปป์ อยากจะให้เป็น
ซึ่งถ้าทุกอย่างมันลงตัวมากกว่านี้ ในมุมมองส่วนตัวยังเชื่อว่า นูนเญซ จะมีความอันตราย และเป็นภัยคุกคามคู่แข่งได้แบบที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยได้กล่าวเอาไว้