logo-heading

ดาร์วิน นูนเญซ โดนวิจารณ์หนักว่ายิงไม่คมจนทำให้ทีมแพ้ ชอบตกม้าตายนัดสำคัญตลอด แต่ถ้าดูสถิติทุกรายการเขาทำไป 18 ประตู 13 แอสซิสต์ มีส่วนร่วม 31 ประตู เป็นตัวเลขที่โคตรเยอะ มันก็ทำให้พูดยากว่าจะตัดเกรดเขายังไง?

ถามว่าการพลาดโอกาสทองของนูนเญซเนี่ย มันส่งผลต่อการลุ้นแชมป์เลยไหม? แน่นอนว่าใช่ เพราะถ้ายิงได้เฉียบขาดกว่านี้ ลิเวอร์พูลอาจไม่แพ้พาเลซคาบ้าน และอาจไม่แพ้เอฟเวอร์ตันด้วย ซึ่งถ้าได้มาอย่างน้อย 2 แต้ม พวกเขาคงตามหลังอาร์เซน่อลแค่แต้มเดียว มีโอกาสที่จะแซงกลับได้เสมอ

แต่พอช่องว่างเป็น 3 แต้ม และประตูได้เสียเป็นรอง 15 ลูก ต่อให้อาร์เซน่อลพลาด 1 นัด ก็ยังแซงกลับมาไม่ได้ รวมถึงมีซิตี้ที่ตอนนี้ก็ยังเป็นเต็ง 1 ด้วย ทุกทีมตกรอบบอลยุโรปเหมือนกัน โฟกัสพรีเมียร์ลีกเหมือนกัน มันเลยทำให้สถานการณ์ลิเวอร์พูลเป็นรองทีมอื่นหมดเลย  

ลองมากางสถิติดูหน่อย นูนเญซคือคนที่มีโอกาสยิงประตูอันดับ 1 พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ที่ 105 ครั้ง เปลี่ยนเป็นประตูในลีก 11 ลูก คิดเป็นความคม 9.5% หรือทุกการยิง 10 ครั้ง จะได้กลับมาแค่ 1 ประตูเท่านั้น 

เทียบกับแนวรุกคนอื่นในลีกที่ยิง 15 ประตูขึ้นไป อเล็กซานเดอร์ อีซัค มีความคมอยู่ที่ 23% หรือทุกการยิง 10 ครั้งจะเป็นประตู 2 ลูกกว่าๆ ส่วนฮาลันด์แม้ปีนี้จะพลาดโอกาสทองเยอะกว่านูนเญซอีก แต่ถ้าวัดความคมโดยรวมก็คือ 17% หรือทุกการยิง 10 ครั้ง จะได้กลับมาเกือบ 2 ประตู ดีกว่านูนเญซเยอะมาก

เท่านั้นไม่พอ มันยังสถิติอีกข้อที่เรียกว่า XG หรือโอกาสทองที่คาดว่าจะเป็นประตู ซึ่งการจะวิเคราะห์ว่าคนไหนหมูหกหรือยิงคมเนี่ย? ต้องเอาจำนวนประตูไปลบ รวมแล้วเรียกสถิตินี้ว่า XG Difference หากนักเตะคนไหนมีสถิตินี้เป็นบวก นั่นหมายความว่าคมกว่าปกติ 

เช่น โคล พาลเมอร์ มีสถิติ XG = 14.94 แต่ยิงได้ 20 ประตู ทำให้ค่า XG Difference +5.06 ซึ่งหมายความว่ามีประมาณ 5 ประตูที่ไม่ควรเข้า แต่พาลเมอร์ยิงเข้า หรือจะเป็น ซน เฮือง มิน สถิติคือ +5.02 เรียกว่าคมเวอร์เช่นกัน 

ในทางกลับกัน นูนเญซมีโอกาสทองฤดูกาลนี้ 17.47 ครั้ง ทำไป 11 ประตู นั่นหมายความว่าตัวเลข XG Difference มันไม่ใช่บวกแล้ว แต่จะกลายเป็น -6.47 แทน ซึ่งบ่งบอกว่า นูนเญซ ควรจะยิงได้มากกว่าปัจจุบัน 6 ประตูกว่าๆ แต่กลับตกม้าตายเสียเอง ทำให้เขาเป็นนักเตะที่สถิติติดลบเยอะสุดในพรีเมียร์ลีกด้วย 

ว่ากันถึงตัวเลข ดูแล้วฝืดหนัก ขาดความคมอย่างแรง ซึ่งตำแหน่งกองหน้าควรสร้างความแตกต่างได้ดีกว่านี้ แต่ก็เหมือนที่ผมตั้งคำถามไว้ข้างต้น คือยิงไม่คมจริง ไม่มีใครเถียง แต่เขามีส่วนร่วมไปแล้ว 31 ประตู หรือถ้านับในพรีเมียร์ลีกมีส่วนร่วม 19 ประตู มีแค่ซาลาห์เท่านั้นที่มีส่วนมากกว่า

เราอาจบอกได้ว่า ถ้านูนเญซคมกว่านี้ ลิเวอร์พูลคงไม่พลาดเสียแต้มง่ายๆ แต่ในทางกลับกันเราก็ต้องคิดด้วยว่า ถ้าไม่มีนูนเญซ ทีมก็อาจเสียแต้มจากลูกบ้า ลูกขยันจนได้แอสซิสต์มากมายเหมือนกัน 

ในมุมของผมนะครับ ไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้ แต่ผมคิดว่านูนเญซควรได้โอกาสต่ออีกสักฤดูกาล เพราะอย่างน้อยมันก็มีพัฒนาการให้เห็น จากฤดูกาลก่อนในลีกยิง 9 จ่าย 3 แต่ปีนี้ยิง 11 จ่าย 8 แถมปัจจุบันอายุเพิ่ง 24 มันยังมีโอกาสพัฒนาความนิ่งต่างๆ ให้เฉียบคมกว่านี้ได้ 

เท่านั้นไม่พอ ถ้าคิดจะขายซัมเมอร์นี้ ต้องดูด้วยว่าจะขาดทุนหรือกำไร? ลิเวอร์พูลซื้อมาจากเบนฟิก้า 100 ล้านยูโร แต่เงินต้นที่จ่ายไปแล้วจริงๆ คือ 75 ล้านยูโร หรือ 64.2 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญา 6 ปี เอาตัวเลขสัญญาไปหารค่าตัว 64.2 หาร 6 = ลงบัญชีปีละ 10.7 ล้านปอนด์ 

ตอนนี้นูนเญซเล่นไป 2 ฤดูกาล = ลงบัญชีไปแล้ว 10.7 x 2 = 21.4 ล้านปอนด์ จากนั้นเอาตัวเลขนี้ไปลบค่าตัวที่ซื้อมาคือ 64.2 - 21.4 = 42.8 ล้านปอนด์ นี่คือราคาที่ลิเวอร์พูลต้องขายให้ได้ เช่น หากขายได้ 50 ล้านปอนด์ คุณก็ได้กำไร 7.2 ล้านปอนด์ แต่ถ้าขายได้ 40 ล้านปอนด์ ก็จะขาดทุน 2.8 ล้านปอนด์

คำถามคือด้วยแรงวิจารณ์แบบนี้ เสียงด่าหนักแบบนี้ จะขายได้เกิน 42.8 ล้านปอนด์หรือเปล่า? ผมคิดว่าไม่ง่ายเลย ดังนั้น ถ้าให้เลือกระหว่างยอมขายแล้วขาดทุน กับลองใช้อีกปีเผื่อจะมีความเด็ดขาดมากขึ้น ผมเลยเชียร์แบบหลังมากกว่า

เอาไว้ถ้าฤดูกาลหน้าไม่ดีขึ้นจริงๆ ค่อยขายก็ยังไม่สาย แถมฤดูกาลหน้ามูลค่าของนักเตะจะลดจาก 42.8 เหลือ 32.1 ล้านปอนด์ หากเป็นตัวเลขนั้นน่าจะขายทำกำไรได้ไม่ยาก  

ถามใจแฟนหงส์ ผมคิดว่าความเห็นคง 50/50 ตอบลำบากว่าจะยังไง? ซึ่งสำหรับผม ถ้าไม่มีใครยื่นข้อเสนอบ้าคลั่งขึ้นมา นูนเญซน่าจะได้โอกาสต่ออีกสักปี

แต่ลิเวอร์พูลอาจต้องซื้อใครเพิ่มสักคนด้วย เพื่อเมกชัวร์เกมรุกให้ดีกว่านี้

- Petr Boat -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline