logo-heading

ทัพ “กระทิงดุ” ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เดอ ลา ฟวนเต้ กลายเป็นฟุตบอลที่เล่นสนุก ไม่น่าเบื่อ มีจุดเด่นทั้งเรื่องของเกมรับที่เหนียวแน่น เกมรุกที่ฉูดฉาด พร้อมสไตล์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของตัวเอง

มีปัจจัยอะไรบ้างที่ สเปน ชุดนี้มีดีพอในการก้าวไปสอยโทรฟี่แชมป์เจ้ายุโรปมาครอง ทั้งที่ก่อนเริ่มต้นรายการไม่ได้ถูกมองเป็นเต็ง 1 ใน 3 ด้วยซ้ำ ขอบสนาม จะพาไปวิเคราะห์กัน

ปัจจัยที่ (อาจ) พา \"สเปน\" ลุ้นสอยแชมป์ \"ยูโร 2024\"

กุนซือที่ใช่ แม้จะไม่โด่งดัง

ปัจจัยแรกที่ต้องให้เครดิตแบบเต็มๆ เลยคือการที่ สเปน แต่งตั้ง หลุยส์ เดอ ลา ฟวนเต้ เข้ามาคุมทีม เขาไม่ใช่กุนซือที่โปรไฟล์โด่งดัง ชื่อเสียงระดับท็อปของวงการ แต่คลุกคลีกับฟุตบอลแดนกระทิงดุเป็นอย่างดี รู้ตื้นลึกหนาบาง และทีมควรมีแนวทางการเล่นอย่างไร

เดอ ลา ฟวนเต้ ผ่านการคุมทัพ สเปน ในระดับเยาวชนมาแล้วทั้งชุด ยู-18, 19 และ 21 ก่อนกระโดดมารับงานทีมชุดใหญ่เมื่อช่วงปลายปี 2022

ซึ่งการเคยทำงานกับทีมเด็กๆ เดอ ลา ฟวนเต้ เคยใช้งาน ดานี่ โอลโม่, มิเกล โอยาร์ซาบัล, ฟาเบียน รุยซ์ หรือ มิเกล เมริโน่ สมัยคว้าแชมป์ ยู-21 ชิงแชมป์ยุโรปมาแล้ว 

การเข้ามาของนายใหญ่รายนี้เปลี่ยนแปลงทีมไปมากพอสมควรในเรื่องของแท็คติก แต่ก็ยังคงยึดพื้นฐานเดิมไว้อย่างเหนียวแน่นคือเรื่องของการครองบอล และจ่ายบอลแบบมีประสิทธิภาพ ยังคงมีโครงสมัยรูปแบบ Tiki-Taka เพียงแต่เพิ่มความดุดัน ความเร็ว และการเพรสซิ่งอันหนักหน่วงเข้าไป

ครั้งหนึ่ง เดอ ลา ฟวนเต้ เคยให้สัมภาษณ์ว่า สเปน ในยุคของเขาจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่จำเป็นต้องทิ้งสไตล์ของตัวเอง

ซึ่งจุดนี้มันไม่ได้เปลี่ยน สเปน ในทันที แต่ใช้เวลาในการค่อยๆ ปรับจูน แถมเลือกนักเตะที่สามารถใช้งานได้ ตัวเก๋าบางรายหายไป แต่บางคนยังคงอยู่ในแผน เพราะสามารถเติมเต็มให้ทีมได้อย่างในเคสของ โฆเชลู ที่เป็นจิ๊กซอว์สำคัญในแดนหน้า อาจไม่ใช่ตัวเลือกแรกในการออกสตาร์ท แต่ก็มักเป็นตัวแรกๆ ยามที่ทีมต้องการประตู หรือเก็บบอลแดนบน

กระทิงดุ ในวันนี้ที่มา เดอ ลา ฟวนเต้ กุมบังเหียน คือเวอร์ชั่นที่อัปเดตความเขี้ยวลากดินเข้าไป เดินหน้าแบบไม่มีกลัว พร้อมเล่นเกมรุกที่ดุดัน ผสมระหว่างเด็กๆ กับวัยเก๋า เกมรับก็เหนียวแน่นเสียประตูยาก

วิลเลียมส์ - ยามาล 

สเปน ในชุดนี้มีนักเตะบางรายที่ได้เล่นทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติครั้งแรก และสามารถทำผลงานได้เกินคาด โดยเฉพาะเหล่าดาวรุ่งอย่าง นิโก้ วิลเลียมส์ กับ ลามีน ยามาล 

ทั้งคู่ต่างมีผลงานในระดับสโมสรซีซั่นที่ผ่านมาดีเป็นอย่างมาก วิลเลียมส์ ในวัย 21 ปี ซัดไป 8 ตุง กับ 19 แอสซิสต์ จุดเด่นคือการไปกับบอลที่โคตรดี มีความเร็ว คล่องตัวสูง แถมเล่นร่วมกับเพื่อนรอบข้างได้ดี

ส่วน ยามาล แจ้งเกิดกับ บาร์เซโลน่า เบียดรุ่นพี่ไปเป็นสำรอง ฝีเท้าเกินอายุ พร้อมทำสถิติมากมายในยูโรครั้งนี้ เพราะด้วยวัยเพียง 16 ปี แต่ลงเล่นรายการใหญ่ราวกับวัยเก๋าที่ผ่านเวทีระดับสูงมานาน ไม่มีตื่นสนาม ไม่มีลนลาน วิธีการหยุดของคู่แข่งต้องรุม 2 รุม 3 ตลอด ก่อนทำไปแล้ว 3 แอสซิสต์ นำชาร์ตเป็นอันดับ 1

การเข้ามาของทั้งคู่ต่างเพิ่มมิติเกมรุกให้สเปนหวือหวามากกว่าเดิม กลายเป็นจิ๊กซอว์ที่เติมเต็มเพิ่มเติมสิ่งที่ขาดหายไปในช่วงที่ผ่านมา ทั้งคู่ไม่ใช่มีเพียงความเร็วและตะบี้ตะบันวิ่งเพียงอย่างเดียว แต่รู้ว่าจังหวะไหนควรสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร

ช็อตนี้ควรจ่าย ช็อตควรไป หรืออยู่ในมูฟเมนต์ไหนสำหรับการสร้างความได้เปรียบ และพาบอลไปสู่จุดที่สามารถสร้างโอกาสทำประตูได้ มีความเข้าใจในเกม และแท็คติกของโค้ชสูงมากๆ

แถมอายุยังน้อยคาดหวังได้ยาวๆ สำหรับการเป็นแกนหลักของทีม รักษาเนื้อรักษาตัวดีๆ ยังไงเสียก็คือขุมกำลังแห่งเจนเนอร์เรชั่นใหม่ของทัพ “กระทิงดุ”

ปัจจัยที่ (อาจ) พา \"สเปน\" ลุ้นสอยแชมป์ \"ยูโร 2024\"

สดบวกเก๋า

อีกจุดที่น่าสนใจของ สเปน ในชุดนี้คือการมีส่วนผสมที่ลงตัวของนักเตะ อย่างที่กล่าวไปแนวรุกพวกเขาได้ นิโก้ วิลเลียมส์ กับ ลามีน ยามาล เข้ามาเป็นคนสำคัญ เล่นร่วมกับ อัลบาโร่ โมราต้า หัวหอกวัยเก๋าที่ผสานงานได้อย่างลงตัวกับน้องๆ

แดนกลางมี เปดรี้ ในวัยเพียง 21 ปี ที่คอยสร้างสรรค์เกม พร้อมมี โรดรี้ ที่เก๋าประสบการณ์เก็บกินได้หมด คอยดักเกมรุกของคู่แข่ง แถมมีออปชั่นการเล่นเกมรุก ส่วนอีกตำแหน่ง ฟาเบียน รุยซ์ จะว่านี่คือนักเตะอันเดอร์เรตก็ย่อมได้ อาจจะไม่ได้ถูกพูดถึง แต่คือคนสำคัญสำหรับแดนกลาง คอยเชื่อมเกม คอยจ่ายบอล 

ส่วนแนวรับนี่คงเป็นพื้นที่ที่หลายคนเป็นห่วงว่า สเปน จะทำได้ดีขนาดไหน โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ เอเมอริก ลาปอร์กต์ คือหนึ่งคนที่รับหน้าที่เป็นแกนหลัก ส่วนอีกรายอย่าง โรบิน เดอ นอร์กม็องด์ ถูกตั้งคำถามว่าจะไหวไหมกับการลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่ 

แต่กระนั้นผลงานที่ผ่านมาก็พอตอบได้แล้วว่าเขาดีพอในการยึดตัวจริง จุดเด่นคือการดวลเอาชนะคู่แข่งบนพื้น และการจ่ายบอลจากแดนหลังค่อนข้างดี

หรืออีกคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ มาร์ค คูคูเรญ่า ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่ม หลายคนคาดว่า อเล็กซ์ กรีมัลโด้ น่าจะเป็นตัวเลือกแรกทางฝั่งซ้าย เพราะผลงานที่โดดเด่นกับ เลเวอร์คูเซ่น 

ทว่าพอลงสนามจริง คูคูเรญ่า ได้ออกสตาร์ทก่อนพร้อมผลงานที่ดีเกินคาด เกมรับเอาอยู่สู้ทุกดอก เกมรุกผสานกับ วิลเลียมส์ ลงตัว รู้ว่าช็อตไหนต้องวิ่งไลน์ไหน กลายเป็นออปชั่นที่น่ากลัวในทันที

จากที่กล่าวมาจะเห็นว่าในทุกบทบาทคือการผสานงานระหว่างเจนใหม่ กับวัยเก๋าที่ลงตัวของ สเปน มันเลยทำให้ย้อนกลับถึงตัวของ เดอ ลา ฟวนเต้ ว่าเขารู้วิธีการใช้งานเด็กรุ่นใหม่ยังให้เข้ากับเหล่าแข้งมากประสบการณ์ ดึงจุดเด่นออกมา เอาความสดที่มา บวกกับประสบการณ์ของรุ่นพี่ กลายเป็นรสชาติที่กลมกล่อมแบบที่เราได้เห็นกันอยู่ในตอนนี้

นักเตะทดแทนกันได้

ประเด็นสุดท้ายคือการทดแทนกันของนักเตะภายในทีม อย่างเกมล่าสุดกับ เยอรมัน เปดรี้ ถูกสอบจนเจ็บตั้งแต่ต้นเกม แต่คนที่ลงมาอย่าง ดานี โอลโม่ กลายเป็นโจ็กเกอร์ยิง 1 จ่าย 1 พาทีมเข้ารอบได้สำเร็จ

จุดนี้แสดงให้เห็นว่าคุณภาพนักเตะภายในทีมสามารถหมุนเวียน และทดแทนกันได้ แน่นอนว่าการเสีย เปดรี้ ไปย่อมเกิดความเสียหาย แต่สิ่งที่ดีคือยังมีคนอื่นๆ ให้กุนซือเลือกใช้งาน และคุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าเดิม

ในจุดนี้ไม่ใช่เพียงแค่ตำแหน่งของ เปดรี้ เท่านั้น แนวรับอย่าง นาโช่ ที่ลงมาในครึ่งหลังด้วยประสบการณ์ ด้วยความเก๋า ทดแทนรุ่นน้องอย่าง โรบิน เดอ นอร์กม็องด์ ได้เป็นอย่างดี 

ส่วนตำแหน่งอื่นๆ กลายเป็นว่า เดอ ลา ฟวนเต้ หยิบจับใครส่งลงสนามก็มักจะได้ผลอย่างในเคส มิเกล เมริโน่ ก็ซัดประตูสำคัญพาทีมคว้าชัย มิเกล โอยาร์ซาบัล ก็ลงมาแทน โมราต้า ที่พลังงานเริ่มหมด แบบไม่ได้ขี้เหร่

ฉะนั้นเมื่อสควอชของทีมมีคุณภาพที่สามารถทดแทนกันได้ คุณภาพนักเตะในทีมไม่ได้ต่างกันจนเกินไป แถมทุกคนเข้าใจแท็คติกของกุนซือ รู้ว่าลงไปเล่นแบบไหน มันย่อมเป็นปัจจัยที่ได้เปรียบคู่แข่ง และย่อมเป็นหนึ่งในเหตุผลตัวใหญ่ๆ ที่ทำให้ สเปน มีโอกาสสูงที่จะสอยแชมป์ยูโรหนนี้ไปครองได้เหมือนกัน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline